ภูมิธรรม” แจง 3 อดีต รมต.พท.ไม่ร่วมกิจกรรมไร้ปัญหา เชื่อแค่ติดภารกิจ ไม่ได้ลาออกจากพรรค “วิสุทธิ์” เผยสภาเปิดประชุมวิสามัญ 5-7 มิ.ย.นี้ ถกงบฯ 68 “จตุพร” ปูด! คณะก่อการบางฝ่ายเริ่มอึดอัด จ่อขยับยึดอำนาจจากเหตุรำคาญ “ดีลกลับบ้าน” ที่บางคนลำพองผยองอำนาจอ้าง “มีไฟเขียว” แต่ทำลายเศรษฐกิจทั้งระบบและกระบวนการยุติธรรม ขัดพระบรมราชโองการ
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงควันหลงกรณีปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และมีรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) หลุดออกจากตำแหน่ง 3 คน ซึ่งไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมของพรรคเพื่อไทย “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” ว่า ไม่ได้มีความขัดแย้ง ไม่ได้มีปัญหาอะไร ยังติดต่อพูดคุยกันตลอด เชื่อว่าผู้ที่ไม่ได้มาร่วมกิจกรรมเพียงแค่ติดภารกิจ เช่นเดียวกับตนที่ไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมในช่วงบ่ายเหมือนกัน และการไม่มาร่วมกิจกรรมก็ไม่ใช่เป็นการส่งสัญญาณอะไร ทุกคนยังไม่ได้ลาออกจากพรรคเพื่อไทย
นายภูมิธรรมกล่าวถึงกรณีที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ระบุว่าเป็นแฟนคลับนายภูมิธรรมมาหลายสิบปี และพร้อมร่วมงานด้วยว่า ก็ขอบคุณ ตนก็รู้สึกดีใจที่มีเอฟซีเป็นระดับรัฐมนตรี และเชื่อว่าตนรวมถึงรัฐมนตรีช่วยทั้งสองคนจะทำงานด้วยกันได้ อีกทั้งการทำงานในกระทรวง ไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองไหน เราก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันอยู่ดี ก็คงไม่มีปัญหาอะไร และที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกับนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ ในสัดส่วนพรรคภูมิใจไทย ก็ทำงานด้วยดีกันมาตลอด
โฆษณา – อ่านบทความต่อด้านล่าง
“หลังจากนี้คงได้มีโอกาสพูดคุยและแบ่งงานกัน เชื่อว่าสามคนสามแรงจากสามพรรคการเมือง จะช่วยกันทำงานให้กระทรวงพาณิชย์ก้าวไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์มากขึ้น” นายภูมิธรรมกล่าว
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการเปิดสมัยประชุมวิสามัญว่า จะเปิดช่วง 5-7 มิ.ย. เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ส่วนวาระพิจารณาเรื่องอื่น อาทิ การแก้กฎหมายทําประชามติ หากมีความเร่งด่วนค่อยว่ากันอีกที แต่ขณะนี้เอาเรื่องงบประมาณก่อน
เมื่อถามถึงกรอบเวลาในการอภิปรายงบฯ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า รอนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สองนัดประชุมอีกครั้งในสัปดาห์นี้
โฆษณา – อ่านบทความต่อด้านล่าง
เมื่อถามว่า จะต้องกำชับ สส.เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงหรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ไม่ห่วงเรื่องการเข้าประชุมของ สส. เพราะตกลงแล้วว่าช่วยกันทำงานเต็มที่เพื่อพิจารณางบฯ ให้ผ่านวาระแรกไปได้
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า ขณะนี้สถานการณ์อยู่ในช่วงความตึงเครียดเริ่มขยับเข้ามามากขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นพลังอีกแบบของการล้างผลาญได้ เพราะความผยอง ความหยิ่ง ความมั่นใจเกินตัว เริ่มสำแดงขึ้นในแต่ละที่แต่ละแห่งที่ไปลงพื้นที่ จึงเห็นร่องรอยของผลประโยชน์ที่แอบแฝงไว้ แล้วประเทศจะไม่ได้อะไรเลย
นายจตุพรกล่าวถึงคณะดีลให้ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้านว่า ขณะนี้กำลังอึดอัดกับผลการดีลที่ทำกันไว้ เพราะไม่มีปัญญาจะแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น ดังนั้นการแก้ปัญหาขออย่าเลือกการยึดอำนาจอีก เพราะยิ่งจะทำให้บ้านเมืองล้าหลังไปไกลยิ่งขึ้น
“คณะดีลทักษิณกลับบ้านสะท้อนความกดดันผ่านบิ๊กแดงแฟนเพจเรื่อยๆ ย่อมแสดงถึงความตึงเครียดของประเทศก่อรูปแรงมากขึ้น และคนที่มีปัญญาทำเรื่องการยึดอำนาจเริ่มขยับอย่างมีนัยสำคัญ เพียงแต่อยู่ในช่วงระยะก่อการเท่านั้น ดังนั้นใครมีหน้าที่ยับยั้ง คืออย่าพยายามทำให้เป็นสาเหตุการยึดอำนาจ แต่รัฐบาลเพื่อไทยกลับทำตัวลำพอง ถ้ายังทำแบบผยองอำนาจที่ทำกันอยู่ขณะนี้แล้ว เชื่อว่าไม่รอดจากการถูกยึดอำนาจแน่”
นายจตุพรกล่าวย้ำว่า ขณะนี้คณะดีลบางส่วนเริ่มรำคาญกันแล้ว และบางคนจ่อขยับยึดอำนาจ แต่ให้รอถึงวันที่ 29 พ.ค.นี้ก่อน เพื่อให้สิ้นสงสัย (จะเอาอย่างไรกับคดี ม.112 ของทักษิณ) ดังนั้นมาถึงจุดนี้ เริ่มอยู่ในสถานการณ์เปราะบาง นายกฯ (เศรษฐา ทวีสิน) จะรู้ดีขึ้น เพียงแต่ว่าจะเดินเข้าหากองไฟหรือไม่
นายจตุพรอธิบายสาเหตุหลักที่ทำให้สถานการณ์เปราะบาง และก่อความรำคาญให้ฝ่ายก่อการบางคณะว่า ไม่ได้มีต้นเหตุจากนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นตัวการสำคัญ แต่ตัวการหลักเป็นอีกคนที่หลงระเริงกำลังลำพองอำนาจ อ้างมีไฟเขียว รวมทั้งรัฐบาลเพื่อไทยพยายามดันดิจิทัลวอลเล็ตให้สำเร็จ แต่จะทำให้เศรษฐกิจพังทั้งระบบจะเป็นสาเหตุใหญ่ ไม่เพียงเท่านั้น กรณีโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ กาสิโน ที่เชื่อว่าทำแล้วไม่ตรงกับเจตนารมณ์ตามที่กล่าวอ้าง เพราะเงินจะตกไปอยู่กับบางคน ท่ามกลางความหายนะของประเทศในอนาคต ส่วนแลนด์บริดจ์จะทำให้ประเทศเสียดินแดนให้นักลงทุนต่างชาตินานถึง 99 ปี
“สิ่งเหล่านี้ประชาชนย่อมไม่ปล่อยให้ผ่านไปได้ แต่คนต้องรุ่มร้อนกว่าคือ พวกทำการดีลกลับบ้าน สิ่งสำคัญการทำลายขบวนการยุติธรรม และขัดพระบรมราชโองการ สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างใหญ่หลวงทั้งสิ้น จนคนบางกลุ่มรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว จึงขอให้รัฐบาลเพื่อไทยและดีลกลับบ้านโชคดีแล้วกัน”
นายจตุพรกล่าวอีกว่า ขณะนี้คณะดีลกลับบ้านอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีความสุข เพราะได้รับแรงกดดันจากความเสียหายทั้งปวง จึงต้องการจบเรื่องราวกันไปเช่นกัน เพราะเมื่อไม่สามารถควบคุมสภาพการดีลได้ จากคนที่ไม่รักษาคำพูดจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญ นายจตุพรฟันธงว่าไม่ได้แก้ เพราะที่เสนอให้ทำประชามติ 3 ครั้งนั้น เพียงแค่รัฐบาลเพื่อไทยต้องการซื้อเวลาอย่างเดียว ไม่ได้มุ่งหวังผลสำเร็จของการแก้ รธน.ตามความต้องการของสังคม อีกอย่าง รธน. 2560 ทำให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ดังนั้นจิตใจที่จะแก้ รธน.จึงขาดความมุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จ รธน. 2560 ถูกเขียนขึ้นเพื่อให้ฉีก คือแก้ไขได้ยาก หากไม่ต้องการใช้ รธน.ฉบับนี้แล้ว ต้องยึดอำนาจฉีก รธน.ทิ้งเท่านั้น จึงจะทำสำเร็จได้ ดังนั้นแม้พรรคเพื่อไทยพยายามซื้อเวลาเป็นรัฐบาลให้นานแล้ว แต่สุดท้ายไม่ได้แก้ รธน. 2560 อยู่ดี และ รธน.ฉบับนี้จะถูกฉีกอีกแน่นอน.