จากกรณี นายสุทิน คลังแสง หรือ “บิ๊กทิน”รมว.กลาโหม ออกมาให้สัมภาษณ์อ้างกองทัพพร้อมสนับสนุนรัฐบาล ร่วมรับซื้อข้าวจากโครงการรับจำนำ ที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เตรียมระบายจากโกดัง เพื่อนำมาประกอบเลี้ยงกำลังพลในกองทัพ หลังจากทดลองหุงแล้วรับประทานได้ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าเป็น “ข้าวเก่าการละคร” หรือไม่นั้น
หลังจากคำสัมภาษณ์ของ “บิ๊กทิน” เผยแพร่ออกไป“ทีมข่าว” ได้สอบถามความเห็นของกำลังพลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงภัย เสี่ยงตาย ว่ารู้สึกอย่างไรหากต้องรับประทานข้าวเก่าเก็บ 10 ปี เป็นอาหารประกอบเลี้ยง
ปรากฏว่าคำตอบของกำลังพล ออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่กล้ากิน”
เจ้าหน้าที่ทหารซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้รายหนึ่ง กล่าวว่า ทุกวันนี้ อาหารที่ประกอบเลี้ยงกำลังพลไม่ได้ให้กินฟรี แต่ทหารทุกนายจะถูกหักเงินเดือน ตกวันละเกือบๆ 70 บาท โดยทุกๆเ ดือนจะต้องถูกหักเงินค่าอาหารราวๆ 2,100 บาท แถมยังต้องกิน “กับข้าว” แบบไม่มีทางเลือก ฉะนั้นหากต้องให้กินข้าวเก่า 10 ปีอีก คงรับไม่ไหว
ทหารเกณฑ์ชายแดนใต้ บอกอีกว่า การหักเงินเดือนกำลังพลยังหักอีกหลายส่วน นอกจากค่าข้าวแล้ว ยังมีค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าขยะที่หน่วยต้นสังกัดจะหักทุกคนเป็นรายเดือน ส่วนค่าข้าวที่หักเงินไป ก็ต้องกินอย่างจำใจ เป็นทหารชั้นผู้น้อย โวยอะไรไม่ได้ ใครโวยเจอจุดจบทุกราย
“ทีมข่าว” สอบถามทหารเกณฑ์อีกหน่วยหนึ่ง ได้ข้อมูลว่า ข้าวเก่า 10 ปีที่รัฐมนตรีกลาโหมจะซื้อมาให้กำลังพลกินนั้น ถ้านำมาให้หน่วยที่ตนสังกัด ก็คงไม่กล้ากิน ข่าวบอกว่าเป็น “ข้าวอาบยาพิษ” อยากฝากถึงผู้มีอำนาจว่า ข้าวเก็บนานสิบปี ไม่เห็นด้วยเลยที่จะซื้อมาให้ทหารกิน เพราะอาจมีเชื้อโรคหรือสารเคมีเจือปน ขอบอกว่า “ทหารเป็นรั้วของชาติก็พอ อย่าให้เป็นหนูทดลองเลย”
@@ เปิดรายรับ “ทหารเกณฑ์” หักค่าประกอบเลี้ยงทุกเดือน
ขึ้นชื่อว่า “พลทหาร” ซึ่งเป็นกำลังระดับรากหญ้าของกองทัพ จะได้รับค่าตอบแทนรวมๆ แล้ว 9,904 บาทต่อเดือน แยกเป็นเงินเดือน 1,630 บาท, เงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว หรือ เงิน พชค. อีกคนละ 5,394 และเบี้ยเลี้ยงวันละ 96 บาท หรือเดือนละ 2,880 บาท
รายได้พลทหาร 9,904 บาทต่อเดือนนี้ เท่ากันหมดตลอดอายุการเป็นพลทหาร 2 ปี คือแม้จะผ่านการฝึกเบื้องต้น 10 สัปดาห์ ได้ขยับเป็น “พลทหารปี 1 ชั้น 16” และเมื่ออยู่ครบปีก็ขยับเป็น “พลทหารปี 2 ชั้น 18” ซึ่งจะมีการปรับเงินเดือนขึ้นอีกก็ตาม แต่เมื่อเงินเดือนถูกปรับขึ้น ก็จะไปลดเงิน พชค.ลง ทำให้ค่าตอบแทนของพลทหารทุกชั้นทุกนายเท่ากันที่ 9,904 บาท แต่ตัวเลขนี้เป็นเงินเดือนพลทหารเฉพาะที่ปฏิบัติงานในหน่วยปกติเท่านั้น
ถ้าเป็นหน่วยออกสนาม หรือปฏิบัติราชการสนาม เช่น ประจำการตามแนวชายแดน หรือสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีเบี้ยเลี้ยงสนามวันละ 104 บาทต่อคน หรือเดือนละ 3,120 บาท ค่าเลี้ยงดูวันละ 6 บาทต่อคน หรือเดือนละ 180 บาท (เป็นส่วนเพิ่มของเบี้ยเลี้ยง) และยังได้เบี้ยเสี่ยงภัยอีกเดือนละ 2,500 บาทด้วย
ทีนี้มาดูรายการที่ถูกหักบ้าง ถ้าเป็นหน่วยปกติจะมี “หักฝาก ทบ.ตามขั้นเงินดือน” ตั้งแต่ 20-105 บาทต่อเดือน และหักประกอบเลี้ยงวันละ 64 บาท รวมหักต่อเดือนราวๆ 1,920 บาท คงเหลือรายรับต่อเดือน 7,984 บาท
ขณะที่หน่วยปฏิบัติราชการสนาม จะมีการหักฝาก ทบ.เช่นกัน 20-105 บาทต่อเดือน และยังมีหักประกอบเลี้ยง ซึ่งแต่ละหน่วยไม่เท่ากัน มีระหว่าง 50 บาทถึง 64 บาทต่อคนต่อวัน
พลทหารจากหน่วยปฏิบัติราชการสนาม เมื่อรวมเงินเดือน เงินพชค. เบี้ยเลี้ยง เบี้ยเสี่ยงภัย รวมถึง “เงินเพิ่ม” อีกจำนวนหนึ่ง หักค่าประกอบเลี้ยงและอื่นๆ แล้ว จะมีรายรับอยู่ที่ 13,775-13,860 บาทต่อเดือน