สิ่งเดียวที่ทำให้เศรษฐกิจพัง
สิ่งเดียวที่ทำให้รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศษฐกิจได้ เพราะขาด “วิศัยทัศน์” หารายได้เข้าประเทศไม่เป็น ไม่เข้าใจยุทธศาสตร์การเมืองการปกครองชั้นสูง วิ่งแก้ปัญหา ทั้งนอกในประเทศ จนคนไทยถูกจับเป็นตัวประกันในพม่า และอิสราเอล
เอาปรากฎการณ์มาวิเคราะห์ ทำได้เพียงการฉวยโอกาสใช้ภาษีของประชาชน ทั้งลดค่าไฟ น้ำมัน รถไฟ พักหนี้ ยึดที่ดินทหาร ตัดงบ อาวุธ ด้อยค่าทหารยามสงคราม ที่กำลังลุกยามไปทั่ว ทั้งยุโรป ตะวันออกกลาง เอเซีย
ไม่เตรียมพร้อมรับมือสงคราม ผู้ลี้ภัย ในพม่าที่กำลังลุกลามมายังไทย คนไทยถูกจับไปแล้วเป็นจำนวนมาก
หลักของชาติวางไว้ตั้งแต่ช่วงโควิด ดีมาตลอดจนเคยขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก “ ยุทธการไวรัสพินาศ ประชาชนพ้นภัย ” ระยะสั้น ป้องปราม เยียวยา ฟื้นฟู ระยะกลาง เก็บเกี่ยว พัฒนาเศรษฐกิจ ระยะยาว ปฏิรูปประเทศ ซึ่งช่วงนี้อยู่ในระยะกลาง ขั้นตอนที่ 3 ของยุทธวิธี คือ “ พัฒนาเศรษฐกิจ ”
ถ้าจับหลักได้ประเทศจะเฟื้องฟู เหนือกว่าประเทศอื่นๆในโลก แต่ดันทำไม่เป็น หวังจะให้ นช.ทักษิณ มาคิดช่วย ตอนนี้ นช.ทักษิณ คิด สั่งการ บัญชาการ ช่วยมา 3 เดือน ก็ไม่สามารถดีขึ้น คิดแต่ถอนทุน เดินสายต่างประเทศ เจรจาเพื่อธุรกิจตัวเอง
นักธุรกิจต่างชาติ เมื่อรู้จากสำนักข่าวต่างประเทศ ว่าที่ปรึกษารัฐบาลคือนักโทษ และครอบครัว ที่ทุจริตคอรัปชั่น ต่างก็หยุดการลงทุนในไทย หันไปลงทุนในอินเดียแทน
โชคดีที่ผู้วางยุทธศาสตร์ชาติ ทราบดีว่าสักวันเหตุการณ์แบบนี้จะมาถึง จึงเขียนทุกอย่างไว้ในรัฐธรรมนูญ เชิงสังเคราะห์ รัฐบาลแม้มาจากการ “ผสมพันธ์ุ” ยิ่งดันทุรัง กู้มาแจก นอกจากผิดรธน.-กฎหมายวินัยการเงินการคลัง ใครหน้าไหน พรรคไหน สนับสนุนก็คงมีจุดจบที่ไม่สวยงามเป็นแน่แท้
“ ผู้นำเชิญปฏิรูปย่อมมีความสามารถในการมองเห็นอนาคต และสามารถนำพาองค์การ องค์กร ก้าวสู่อนาคตสู่ความสำเร็จได้ ”
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
26 พฤศจิกายน 2566