เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 พ.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย อ่านแถลงการณ์พรรคเพื่อไทยว่า 10 ปีที่ผ่านไป จากรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 “ยุติวงจรรัฐประหาร ด้วยรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 อํานาจอธิปไตยของคนไทยดับสิ้นลง จากคณะรัฐประหารที่ชื่อว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยึดอํานาจรัฐบาลเพื่อไทย รัฐบาลที่มาจากความไว้วางใจของพี่น้องประชาชน การกระทําการรัฐประหาร คือการกระทําที่ผิดกฎหมาย ทําลายประชาธิปไตย ผลักประเทศให้เดินถอยหลังไปสู่ความถดถอยภายใต้อํานาจเผด็จการ สิ่งที่เราสูญเสียไปคือโอกาสของประเทศทั้งที่สามารถประเมินมูลค่าได้ และอีกนานัปการที่ประเมินมูลค่าไม่ได้
นายดนุพรกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าเราปฏิเสธการรัฐประหาร ไม่ยอมรับสารตั้งต้นที่อาจเป็นการสร้างเงื่อนไขไปสู่การรัฐประหาร และปฏิเสธการนิรโทษกรรมต่อการรัฐประหารในทุกกรณี ศาลและองค์กรรัฐอื่นๆ ต้องยกเลิกบรรทัดฐานที่ว่าการรัฐประหารโดยใช้กําลังอาวุธสําเร็จเป็นรัฏฐาธิปัตย์ เรายืนยันแนวคิดให้มีการตรากฎหมายต่อต้านการรัฐประหารขึ้น โดยห้ามมิให้ศาลยอมรับการรัฐประหารว่าเป็นรัฏฐาธิปัตย์ และยืนยันในแนวคิดว่าความผิดในการรัฐประหารไม่มีอายุความ โดยให้ถือเป็นประเพณีการปกครองประเทศในระบอบประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าการรัฐประหารคืออาชญากรรมร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติ เป็นอาชญากรรมต่อระบอบประชาธิปไตย เรายึดมั่นในหลักการว่าอํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย เราจะร่วมกันต่อต้านการรัฐประหาร การรัฐประหารจะต้องหมดไปจากประเทศไทย
นายดนุพรกล่าวอีกว่า การรัฐประหารที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ผ่านมา จะมีข้ออ้างเสมอมาว่ารัฐบาลประชาธิปไตยบริหารประเทศล้มเหลว อ้างสถานการณ์ที่นําไปสู่การยึดอํานาจโดยใช้กําลังอาวุธ แต่ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่การรัฐประหารนําพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า มีแต่นําไปสู่ความตกต่ำ ถดถอย และล้าหลัง ดังที่เห็นกันอยู่ตลอดมา พรรคเพื่อไทยในฐานะสถาบันการเมือง ในฐานะแกนนํารัฐบาลของพี่น้องประชาชน เราจะบริหารราชการแผ่นดินอย่างดีที่สุด เราจะร่วมมือกันกับคนไทยผู้รักประชาธิปไตย ไม่ให้การรัฐประหารเกิดขึ้นในประเทศไทยอีก
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อปี 2557 เกิดการรัฐประหารกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยตามที่ทราบกัน แต่หลังจากการเกิดรัฐประหารทุกครั้ง ประชาชนหรือสังคมไทยไม่เคยได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยแม้แต่ครั้งเดียว แต่สิ่งที่ได้คือรัฐธรรมนูญที่ถดถอย เป็นเผด็จการ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่สืบทอดอำนาจ และมีบทบัญญัติหลายประการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ฉะนั้นจุดยืนของพรรคเพื่อไทยจึงเห็นแล้วว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องผลักดันจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แทนที่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการที่เรากำลังดำเนินการอยู่ และพวกเราคิดว่าการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องมีบทบัญญัติว่าด้วยการต่อต้านการทำรัฐประหารอยู่ในนั้นด้วย ขณะเดียวกันเราคิดว่าต้องสำเร็จในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยใน 4 ปีนี้ เพื่อให้เป็นของขวัญสำหรับพี่น้องประชาชน
นายชูศักดิ์กล่าวต่อว่า จุดใหญ่สำคัญคือเรายอมรับการทำรัฐประหารว่าเป็นรัฏฐาธิปัตย์ และยอมให้เขาบริหารประเทศ เป็นเรื่องที่ผิด แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องประชาชนในการต่อต้านกระบวนการรัฐประหารเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งขณะนี้เราพยายามยกร่างกฎหมายฉบับนี้ให้สำเร็จ สามารถเสนอต่อรัฐสภาต่อไปในอนาคต ดังนั้นในโอกาสครบรอบรัฐประหาร สิ่งที่พรรคเพื่อไทยมุ่งหวังคือมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ต่อต้านการรัฐประหาร และมีกฎหมายต่อต้านการรัฐประหารที่เป็นประชาธิปไตย เพื่อให้การรัฐประหารหมดสิ้นไปจากสังคมไทย
นายชูศักดิ์กล่าวอีกว่า ในส่วนของการทำประชามติ เราจะมีการแก้ พ.ร.บ.ประชามติเสียก่อนที่จะมีการทำประชามติสอบถามประชาชนเป็นครั้งที่หนึ่ง โดยตกลงกันว่าจะมีการแก้ในช่วงเปิดประชุมสมัยวิสามัญเร็วๆ นี้ หลังจากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 เพื่อให้ทันเวลาและรวดเร็วขึ้น ในส่วนของการแก้ไขก็จะมีเรื่องของเสียงข้างมากสองชั้น ให้เหลือเสียงข้างมาก ชั้นเดียว ทราบว่ามีร่างของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลบรรจุอยู่ในสภาแล้ว ส่วนร่างของรัฐบาลนั้นร่างเสร็จแล้ว อยู่ในกระบวนการธุรการ เข้าใจว่าเมื่อเปิดสมัยวิสามัญแล้วร่างของรัฐบาลก็จะนำเข้ามาด้วย พิจารณาสามร่างไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้การพิจารณาเสร็จสิ้นเร็วขึ้น