นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 22/2565 ณ ห้องประชุมชั้น 19 อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
นายชัชชาติ กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้มีการรายงานสถานการณ์น้ำของเมื่อวาน (9ตุลาคม2565) ที่มีเหตุน้ำท่วมสุขุมวิท ซึ่งเป็นจังหวะที่น้ำ 3 น้ำ ได้แก่น้ำฝน น้ำเหนือ และน้ำหนุนมาเจอกันฝ
ส่งผลให้น้ำที่บางเขนสูงถึง 2.40 เมตร ปากคลองประมาณ 2.30 เมตร ทำให้การระบายน้ำออกทำได้ช้า แต่พอเที่ยงคืนก็แห้งหมด ตอนนี้ก็คงต้องฝากประชาชนเฝ้าระวังฝนอีก 1 วัน ถ้ามีฝนตกในพื้นที่ น้ำก็น่าจะขึ้นสูงมาอีก พรุ่งนี้เป็นต้นไป (11ตุลาคม2565) น่าจะเบาลง น้ำที่ต้องติดตามคือ น้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่มีน้ำเกิน 100% อยู่ที่ 114%
มีการผันน้ำลงมา แต่กรมชลประทานยืนยันว่าจะไม่ผันน้ำเข้าสู่กรุงเทพมหานครจะดึงออกทางบึงฝรั่ง ออกทางคลองนครเนื่องเขต ในพื้นที่แปดริ้ว พยายามระบายออกทางตะวันออกให้มากที่สุด แต่เราไม่ประมาท คงต้องทำคันกั้นน้ำเสริมทางตะวันออกไว้ด้วย
ถ้าเกิดต้องระบายลงมาจะลงคลองทางตะวันออกแล้วมาทางคลองลำปะทิว ลงมาถึงลาดกระบัง ตอนนี้ได้นำ Big bag ไปทำ ทำนบกั้นน้ำเสริมตามตำแหน่งต่างๆ ไว้ เพื่อชะลอน้ำ ให้สามารถผันน้ำได้ดีขึ้น
สภาพโดยรวมน้ำเหนือดูจากเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนภูมิพล ตอนนี้น้ำยังไม่ถึง100% สามารถชะลอการปล่อยน้ำเหนือลงมาได้ และกรมชลประทานก็บอกว่าจะชะลอการปล่อยน้ำลงมา สถานการณ์ก็น่าจะผ่านพ้นไปได้
ซึ่งหากผ่านวันนี้ไปน้ำฝนน่าจะเบาลง เหลือการดูแลด้านตะวันออก จากนั้นก็จะผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ นอกจากนี้ได้มีการวางแผนดำเนินการถึงปีหน้าด้วย
นายอรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า ตอนนี้ได้จัดเตรียมทำ Big bag จำนวน 1,000 ลูก แต่ไม่ใช่ว่าจะใช้ทั้งหมด เบื้องต้นจุดที่ยืนยันตอนนี้อยู่ที่คลอง 8 คลอง 9 คลอง 10 คลอง 11 และคลองหกวาสายล่าง
กทม. จะดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อดูเรื่องเร่งด่วนหลัก ๆ 6 เรื่อง คือเรื่องฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งตอนนี้ได้ออกมาตรการมาค่อนข้างเยอะ แบ่งเป็นระดับ4 ระดับ
ระดับ 1 ค่าฝุ่นไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.
ระดับ 2 ค่าฝุ่นระหว่าง 37.6-50 มคก./ลบ.ม.
ระดับ 3 ค่าฝุ่นระหว่าง 51-75 มคก./ลบ.ม.
และระดับ 4 ค่าฝุ่นมากกว่า 75 มคก./ลบ.ม.
ซึ่งเป็นแผนที่สอดคล้องกันแผนแห่งชาติ และได้เริ่มดำเนินการแล้ว เช่น เริ่มจากหาต้นตอฝุ่น ใช้ Traffy Foudue ในการแจ้งฝุ่น เตรียมการพยากรณ์ล่วงหน้า เตรียมระบบตรวจวัดให้มากขึ้นครบ 1,000 จุด ตรวจโรงงาน 1,222 แห่ง เริ่มตรวจรถควันดำ ควบคุมการเผาโดยลงพื้นที่ที่มีการเผามากในปีที่แล้ว ตรวจแพลนท์ปูนตรวจรถยนต์ 14 จุดต่อวัน ตรวจรถบรรทุกโดยสาร 2 วัน/สัปดาห์ และสนับสนุนEco System คือ รถ EV มีจอแสดงผลในโรงเรียน ขณะนี้พิจารณากระบวนการดำเนินงานอยู่
นอกจากนี้ จะมีป้ายบอกผลคุณภาพอากาศทุกโรงเรียนใน กทม. โดยจะมีการใช้บิลบอร์ดของ กทม. ในการแจ้งเหตุ ซึ่งในแต่ละระดับจะมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้น สิ่งที่ทำคือ ให้มีศูนย์ปฏิบัติการ เรื่องฝุ่นขึ้นมา เป็นการรวมศูนย์และรายงานความคืบหน้า รวมถึงการซักซ้อมความเข้าใจมาตรการก่อน
ศูนย์ที่ 2 คือ ศูนย์เกี่ยวกับการจราจรและเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งมีศูนย์อยู่แล้ว เพื่อใช้ประโยชน์ของศูนย์ให้เต็มที่ ในการรวมเรื่องปัญหาการจราจรและความปลอดภัย
โดยนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เดือนที่ผ่านมาได้มีการดูเรื่องจุดฝืนการจราจร โดยนำข้อมูล 2 ด้าน คือ
1. ข้อมูลที่เขตรายงานมา และข้อมูลตำรวจจราจรในท้องที่
2. ข้อมูลความเร็วเฉลี่ยของรถในเส้นทางต่าง ๆ เพื่อดูว่าจุดฝืดมีตรงไหนบ้าง
โดยแบ่งออกมาเป็น 4 กลุ่ม โดย
กลุ่มที่ 1 สามารถจัดการได้เลย โดยใช้วินัยจราจร ในการกำกับดูแล
กลุ่มที่ 2 ที่กำลังวิเคราะห์อยู่ คือเรื่องของการปรับแก้อย่างง่าย เช่น การขีดสีตีเส้น การปักป้ายจราจร โดยพิจารณาเรื่องความคุ้มค่าและงบประมาณ
กลุ่มที่ 3 ต้องดำเนินงานร่วมกับจราจร เช่น การจัดระเบียบการจราจร การตั้งจุดกลับรถ โดยใช้ด้านกายภาพเข้ามาผสมด้วย
กลุ่มที่ 4 เป็นกรณีที่ต้องใช้โครงการขนาดใหญ่ เช่น ปริมาณการจราจรหนาแน่นอาจจะต้องทำสะพาน สร้างทางเชื่อม หรือขยายถนนเพิ่ม
ศูนย์ที่ 3 คือ ศูนย์ที่จะดูแลเกี่ยวกับเรื่องหาบเร่แผงลอย
นาย จักกพันธุ์ รองผู้ว่าฯ กทม . กล่าวในเรื่องนี้ว่า ได้ดำเนินการมานานแล้ว โดยจะรวมศูนย์และออกมาตรการที่เกี่ยวข้อง
ศูนย์ที่ 4 คือ เรื่องยาเสพติด
ซึ่ง กทม. มีกระบวนการอยู่แล้ว ต้องดำเนินการอย่างเข้มข้นขึ้นเพื่อให้ตอบสนองต่อเรื่องกรณีเหตุการณ์ที่หนองบัวลำภู เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตของบุคคลที่เกี่ยวข้อง กทม.ได้เฝ้าระวังตลอด เพราะมีศูนย์ที่ดูแลรักษาและบำบัดผู้ติดยาเสพติด แต่ทำตรงนี้เพื่อเป็นศูนย์กลางและบูรณาการข้อมูลร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งเขตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ศูนย์ที่ 5 คือ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและความโปร่งใส ซึ่งจะนำมาผลักดันในเรื่องนี้ของ กทม. ให้เข้มข้นขึ้น ศูนย์นี้จะเป็นตัวผลักดันเชิงยุทธศาสตร์ โดยบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้เห็นว่าเราให้ความสำคัญในการผลักดันจากนี้เป็นต้นไป
ศูนย์ที่ 6 คือ ศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่มีอยู่แล้ว
“ที่เรามีศูนย์บูรณาการ ไม่ใช่ว่าตั้งหน่วยงานใหม่ แต่เป็นตัวที่จะช่วยบูรณาการช่วยประมวลผล และสรุปข้อมูลตามระยะเวลา เช่น ศูนย์การจราจรสรุปปัญหาทุกเช้า ศูนย์ยาเสพติดรายงานทุกอาทิตย์ เพื่อช่วยให้การบริหารงานมีการบูรณาการมากขึ้น โดยมี รองผู้ว่าฯ จักกพันธุ์ เป็นผู้ดูแลและผลักดัน” นายชัชชาติ ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว
- จับมือ หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม และสมาคมธนาคารไทย ขับเคลื่อนกรุงเทพฯ เป็นเมืองศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ
นายชัชชาติ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ได้มีการดำเนินการคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน กรุงเทพมหานคร (กรอ.กทม.) เพื่อสร้างกรุงเทพมหานคร ให้เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน โดยอาศัยกลไกในการบูรณาการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประสานความร่วมมือในการทำงาน แก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ พร้อมสนับสนุนขับเคลื่อนให้กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองแห่งศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศในอนาคต
และเป็นการขับเคลื่อนผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายภายใต้มิติเศรษฐกิจดี ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ร่วมกับ 3 หน่วยงาน ได้แก่ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ซึ่งได้มีการประชุมครั้งแรกกันไปแล้ว มีความคืบหน้าหลายอย่าง โดยแต่ละหน่วยงานได้มีข้อเสนอ อาทิ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้เสนอปรับรูปแบบการขออนุญาตก่อสร้างให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ การทบทวนราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ การยกระดับ Street Food โดยการสร้าง Ecosystem ที่เหมาะสมกับการพัฒนาและบ่มเพาะผู้ประกอบการSMEs
ส่วนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เสนอเรื่องโครงการบริหารจัดการขยะและการสร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะ (Upcycling) โครงการฟื้นฟูและปรับปรุงคลองต้นแบบ อาทิ คลองหัวลำโพง โครงการจัดการความปลอดภัยร้านอาหาร Street Food & Safety Food ด้านสมาคมธนาคารไทย เสนอนำเทคโนโลยีทางการเงินเข้ามาช่วยในการพัฒนา กทม. และผลักดันให้เกิด Digital Transformation ร่วมส่งเสริมการเข้าถึงสินเชื่อประเภทต่าง ๆ ของประชาชนใน กทม. เพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และสนับสนุนการพัฒนา กทม. เป็นเมืองนำร่องในการเชื่อมโยงระบบชำระเงินของนักท่องเที่ยวในภูมิภาค
สำหรับกรุงเทพมหานคร เสนอการผลักดันให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค(Regional Hub) และขอความร่วมมือภาคเอกชนร่วมกัน Work From Home ในช่วงวิกฤตฝุ่นละออง PM2.5 ระหว่างเดือน ธ.ค. 65 – ก.พ. 66
ทั้งนี้ จะมีการตั้งคณะทำงานย่อยขึ้นมาดำเนินการ รวมถึงรายงานความคืบหน้าให้คณะกรรมการชุดใหญ่ทราบต่อไป