วันที่ 11 ต.ค. 60 นายถาวร เสนนียม อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำกลุ่ม กปปส.กล่าวถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.กำหนดช่วงเวลาวันเลือกตั้งอยู่ในเดือน พ.ย. 2561 ว่า นักการเมืองคงดีใจที่จะเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง แต่สำหรับมวลมหาประชาชนและ กปปส.แล้ว การเลือกตั้งจะเร็วหรือช้า ไม่มีผลใดๆกับเรา แต่อยากให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทำการปฏิรูปประเทศตามที่เคยได้ประกาศไว้ว่า จะปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งเหลือเวลาอีก 1 ปี ก็ควรจะปฏิรูป ให้ได้ 3 เรื่อง ใน 5 เรื่องที่เป็นข้อเสนอของมวลมหาประชาชน คือ
1. การทำพรรคการเมืองให้แป็นของประชาชนโดยแท้จริง โดยการขจัดกลุ่มทุนสามานย์ที่ใช้ทุนจากากรทุจริตเพื่อเอาคนของตัวเองเข้าสู่อำนาจเพื่อมาถอนทุนโดยการทุจริตคอร์รัปชัน หรือการขจัดพรรคการเมืองที่ยังเป็นทาสรับใช้ของทุนสามานย์ การที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดให้มีไพรมารี่โหวต ยังไม่พอ ต้องไปเขียนในกฎระเบียบ ข้อบังคับ หรือกฎหมายหลาน ระบุเจาะจงให้ชัดเจนในการตรวจสอบแหล่งที่มาเงินทุนเหล่านี้ เพื่อตรวจสอบถึงแหล่งเงินทุนของกลุ่มทุนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไม่ให้นายทุนสามานย์เข้ามาเป็นเจ้าของพรรค หรือทำตัวเป็นนายทาส ส.ส.
2. การปฏิรูปตำรวจ ต้องเป็นการปฏิรูปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่ปฏิรูปเพื่อประโยชน์ของตำรวจ เพราะเท่าที่เห็น การเอาพล.อ. บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ มาเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและตำรวจของรัฐบาลคสช. แต่กรรมการกลับเป็นตำรวจทั้งหมดก็ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างขององค์กรตำรวจเพื่อประโยชน์ของประชาชนที่แท้จริงได้ แต่ควรจะฟังความเห็นของประชาชน นักวิชาการ เช่น พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ นายวิทยา แก้วภารดัย อดีต สปท. การปฏิรูปที่ทำอยู่ เวลานี้ บอกได้คำเดียวว่า หมดหวัง แต่เวลา 1 ปี ที่เหลือยังสามารถปรับเปลี่ยนทบทวน แก้ไขได้ ยังไม่สาย อยู่ที่ความจริงใจว่า จะทำหรือไม่
นายถาวร กล่าวต่อว่า 3. การปฏิรูปการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน แม้ขณะนี้จะมีการบังคับใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลอาญาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งสามารถพิจารราคดีลับหลักผู้ต้องหาที่หลบหนีคดีได้ แต่ควรมีการแก้ไขเพิ่มเติมให้ประชาชนในฐานะเจ้าของเงินภาษีสามารถเป็นโจทก์ฟ้องร้องคดี การทุจริตได้ ในฐานะที่ประชาชนเป็นผู้เสียหายโดยตรงในคดีการทุจริตทุกเรื่อง และเป็นคดีที่ไม่มีอายุความ รวมถึงการกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่น ไม่ใช่ทำรัฐประหารแล้วกลับรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลางและภูมิภาค แต่ส่วนท้องถิ่นกลับถูกยึดอำนาจลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะด้านการคลัง และการใช้งบประมาณ การกล่าวอ้างว่าส่วนท้องถิ่นมีการทุจริตมาก ทั้งที่ส่วนกลางและภูมิภาคก็มีการทุจริตคอร์รัปชันเช่นกัน ถ้ากฎหมายปราบโกงกำหนดให้คดีทุจริตไม่มีอายุความ โดยประชาชนสามารถฟ้องร้องเอาผิดได้ คดีทุจริตเหล่านี้จะลดลง
“ดังนั้นการที่พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. 2561 ผมถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากเลือกตั้งไปโดยที่ยังไม่มีการปฏิรูปให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง ก็คาดการณ์ได้ว่าการเมืองจะกลับเข้าสู่วงจรอุบาทก์ ทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม จะเกิดเผด็จการรัฐสภาโดยเสียงข้างมาก จะละเลยหลักนิติรัฐ นิติธรรม โดยอ้างว่าเขาได้รับเสียงสวรรค์มาจากประชาชน มีสิทธิ์ทำทุกเรื่อง ถูกต้องเพราะผ่านฉันทามติประชาชนมาแล้วเหมือนที่เคยเป็นมา จึงขอให้ คสช.ทบทวน และเร่งปฏิรูปอย่างน้อย 3 เรื่อง อย่างที่ผมเสนอ ในเวลา 1 ปี ถ้าตั้งใจจริงสามารถทำทันได้ มิเช่นนั้นแล้วการรัฐประหารครั้งนี้ก็จะเสียของ สูญเปล่า เหมือนครั้งที่ผ่านมาเสียโอกาสประเทศ” นายถาวรกล่าว
สำนักข่าววิหคนิวส์