นายถาวร เสนเนียม แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ได้ออกมาประกาศย้ำว่า สถานการณ์ปัญหาราคายางพาราที่ตกต่ำทุกวันนี้ สะท้อนถึงความสามารถของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ว่า ทำไม่ได้ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะต้องปรับออกจากตำแหน่ง
แนวหน้า – นายถาวร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ได้ฟังการแก้ไขปัญหาเกษตรราคาตกต่ำของผู้เกี่ยวข้องในรัฐบาลนี้ ก็มันจะได้ยินคำตอบที่พูดเป็นสูตรสำเร็จ เหมือนแก้ตัวไปวันๆ คือ 1.ขึ้นกับกลไกตลาด 2.ราคาตลาดโลก 3.พื้นที่ปลูกยางมากขึ้น ซึ่งความจริงพื้นที่ปลูกยางในประเทศขณะนี้ลดลงเรื่อยๆ จากที่ กยท. มีนโยบายนำเงินเซสค่าธรรมเนียมการส่งออกยางที่เป็นเงินของเกษตรกร ให้กลับมาใช้โค่นต้นเก่าปลูกใหม่ทดแทนจากปีละ 4 แสนไร่ ปัจจุบันเหลือแค่ 2 แสนไร่ สำหรับความตลาดโลกกำหนดราคาสูงต่ำ ต้องขึ้นอยู่ที่การบริหารจัดการ ของประเทศผู้ผลิตยางไตรภาคี มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย ที่มีมาตรการบริหารสต็อก กำหนดราคาขายไม่ต่ำกว่าทุน หรือให้การสนับสนุนด้านราคา การขยายพื้นที่ปลูกร่วมกัน
“ตั้งแต่รัฐบาลนี้ เข้ามา 4 ปี ไม่เคยไปประชุมร่วม รมว.เกษตรฯ เพิ่งไปประชุมครั้งเดียวเมื่อวันที่ 15 กันยายน จนถึงขณะนี้ยังไม่เคยนำข้อตกลง 3 ประเทศ มาใช้ ขอให้ไปย้อนมาดูนำมาปฎิบัติร่วมกัน ในฐานะที่ประเทศไทย เราปลูกยางส่งออกมากที่สุดในโลกเกือบ 5 ล้านต่อปี แต่มีการใช้ยางในประเทศ 12% สิ่งที่นายกฯสั่งการมีมติครม.ให้ส่วนราชการเอายางไปใช้ กลับไม่มีนำมาทำจริงฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ซึ่งนายกฯมีอำนาจเบ็ดเสร็จ สามารถสั่งปลด กำหนดเวลา เม็ดเงิน เพื่อช่วยเกษตรกรได้ ก็ขอนายกสั่งการให้เป็น กิจลักษณะ พร้อมลงโทษสั่งปลด เช่นต้องสั่งกรมทางหลวง แผ่นดิน ทางชนบท จังหวัด องค์กรท้องถิ่น หน่วยทหาร กรมชลประทาน การกีฬาแห่งประเทศไทย กทม.ถ้าใช้ยางจริงจะได้ถึง 40% เกือบ 2 ล้านตันที่ทำให้ยางขาดหายไปจากตลาดโลกจะดึงราคาขึ้นได้ทันที รวมทั้งที่นายกฯไปตั้ง ซิตี้รับเบอร์ ที่หาดใหญ่ การนิคมแห่งประเทศไทย ส่งเงินมา 2 พันล้านบาทมาถมที่ ตอนนี้มีโรงงานมาอยู่พื้นที่เล็กๆ 500 ตรม. 6 โรง มีมาเช่า แค่3 โรงโรงทำยางคอมปาวด์ โรงทำรองเท้าแตะ เพราะขาดการกระตุ้นจริงจัง ซึ่งควรมีมาตรการภาษีจูงใจ มากกว่านี้ถึงจะเกิดเมืองยาง ตามที่พี่ร้องชาวสวนยางต้องการมีดูดซับมากขึ้น จริงๆถ้ารัฐบาลกระตุ้นดีๆโรงงานจะเข้ามาอีกเยอะ”
นายถาวร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีกรณี กยท. ไปทำความตกลงร่วมทุนบริษัท 5 เสือ ตั้งกองทุน 1,200 ล้านบาท ตอนนี้เอาเงินไปซื้อยาง 800 ล้านบาท พอโดนวิจารณ์ก็สั่งหยุดปิดตลาด แทนที่จะนำปัญหามาวิเคราะห์แก้ไข อีกทั้งควรนำยางสต็อก ไม่ขายต่อ หรือไปหาตลาดใหม่ ก็ไม่ทำ แต่กลับร่วมมือกับ กยท. คอยซื้อยางราคาตก ตนเสนอให้นายกฯใช้กฎหมาย พรบ.การยาง ปี 2542 ให้อำนาจแก่รัฐ จัดการลงโทษ ผู้ที่เอาเปรียบเกษตร ขายล่วงหน้าราคาต่ำกว่า ทำให้ราคาในตลาดร่วง
“ผมไล่ตั้งแต่เป็น รมว.พาณิชย์ เพราะเริ่มพูดจะนำเข้าน้ำมันปาล์ม 5 หมื่นตัน ตอนนั้นราคาปาล์มดิบอยู่ 5.50 บาทต่อกก. ก็เรียกร้องอย่านำเข้าเลยหากกลัวน้ำมันปาล์มขาด ให้ตั้งคณะทำงานตรวจสต็อก จ.สุราษฐ์ธานี จ.ชุมพร มีพอไหม พล.อ.ฉัตรชัย ก็ไม่ฟังเสียง ทำเรื่องเข้าครม.นำเข้า 5 หมื่นตัน ทำราคาปาล์มร่วงเหลือ 2.50บาท ก็ไม่รับผิดชอบอะไร นายกฯอุ้มมาเป็น รมว.เกษตรฯ ใหญ่กว่าเดิม ผมก็ตามมาไล่อีก ขอฝากถึงนายกฯที่ชอบอุ้มพี่ อุ้มเพื่อนรัก และคนมีส่วนร่วมกับข้าราชการ อนุมัติเครื่องจับความเร็วสูงตอนนี้ได้แต่พยายามออกมากลบเกลื่อน ถ้าหากเข้าสู่การเลือกตั้ง จะได้เห็นบทบาทนักการเมืองตรวจสอบทุกเรื่องจริงจังและศักดิ์สิทธิ คอยดูคนพวกนี้ได้เดินขึ้นศาลกันบ้าง อยากเตือนให้นายกฯดูแบบอย่างพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ตอนขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี สั่งปลดผบ.ทบ.ทันที เพราะท่านยึดประโยชน์ส่วนรวม ส่วนการที่นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย(กยท.)ไปพูดว่าผมออกมาขับไล่ รมว.เกษตรฯและผู้ว่าฯกยท. เรื่องราคายางตกต่ำเป็นเรื่องการเมือง ยืนยันว่าไม่เคยเรียกร้องปลดล็อคการเมือง ผมเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาปากท้องเกษตรกร และนายธีธัช รับเงินเดือนจากกยท.ที่เก็บค่าพรีเมี่ยมส่งออกยาง ผลผลิตจากเกษตรกร มาเป็นเงินเดือนจ่ายพนักงานกยท. ไม่ควรเอาความเดือนร้อนมาโยงการเมือง เชื่อเถอะว่าแม้รัฐบาลคุมกำลังทหาร ถือกฎหมาย แต่ถึงจุดคนไม่กลัวตายไม่กลัวตาราง” นายถาวร กล่าว
สำนักข่าววิหคนิวส์