วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เวลา 11.30 นาฬิกา ณ จุดแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) คณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา นำโดย นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการ พร้อมด้วย นายวีระศักดิ์ ภูครองหิน โฆษกคณะกรรมาธิการ และนายขวัญชาติ วงศ์ศุภรานันต์ กรรมาธิการ รับเรื่องร้องเรียนจาก นางเขมิศา โคกทับทิม ผู้แทนกลุ่มผู้ค้าตลาดสะพานพุทธร้องเรียนขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการมีใบอนุญาตตลาดที่ถูกต้องในบริเวณริมทางรถไฟบางกอกน้อย
นางเขมิศา โคกทับทิม ผู้แทนกลุ่มผู้ค้าตลาดสะพานพุทธ กล่าวว่า ในอดีตได้ค้าขายอยู่บริเวณใต้สะพานพุทธยอดฟ้าและใต้สะพานพระปกเกล้า ต่อมาทางกรุงเทพมหานครได้ขอคืนพื้นที่บริเวณดังกล่าว ทำให้กลุ่มผู้ค้าขายได้มารวมตัวกันขอเช่าพื้นที่จากเอกชนบริเวณถนนพญาไม้ แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน เมื่อครบสัญญาเช่าทางเจ้าของที่ดินได้ขอคืนพื้นที่ทำให้กลุ่มผู้ค้าสะพานพุทธประมาณ 200 ราย ไม่มีพื้นที่ค้าขาย จึงได้รวมกลุ่มมาขอเช่าพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณริมทางรถไฟบางกอกน้อย ในพื้นที่แขวงบ้านช่างหล่อ และแขวงศิริราช โดยไปดำเนินการขอใบอนุญาตตลาดจากเขตบางกอกน้อย แต่ทางเขตบางกอกน้อยแจ้งว่าไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ เพราะสัญญาเช่าของกลุ่มผู้ค้าที่ทำกับการรถไฟแห่งประเทศไทยนั้น มีอายุสัญญาเช่าแค่ 7 วัน แต่ทั้งนี้กลุ่มผู้ค้าตลาดสะพานพุทธจำนวน 135 ราย ได้ย้ายมาตั้งร้านค้าและเริ่มทำการค้าขายแล้ว จึงขอให้ทางวุฒิสภาได้ช่วยเหลือผู้ค้าที่ย้ายมาโดยประสานให้เขตบางกอกน้อยออกใบอนุญาตตลาดที่ถูกต้องให้แก่ผู้ค้าบริเวณนี้ด้วยเพื่อให้ทุกคนจะได้มีพื้นที่ค้าขายสร้างรายได้ให้กับครอบครัวต่อไป
.
ในการนี้ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า “คนกลุ่มนี้มีนับแสนคนในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่คนกรุงเทพฯและสังคมไทยขาดไม่ได้ เนื่องจากเป็นแหล่งของอาหารราคาถูกสำหรับคนในกรุงเทพฯ และพนักงานทั้งที่อยู่ในภาคที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ โดยอาชีพนี้เป็นแหล่งสร้างรายได้และอาชีพให้แก่ครอบครัวคนยากจนนับแสนคน และเป็นอาชีพที่คนเข้าและออกได้ง่าย เป็นเศรษฐกิจฐานรากของคนระดับล่างที่ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจนับแสนล้านบาทต่อปี ตลอดจนเป็นแหล่งอาหารราคาถูกและอร่อยที่นักท่องเที่ยวต่างชาติชื่นชอบมากที่สุด โดยคนกลุ่มนี้ขาดความมั่นคงในอาชีพ เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลและพฤติกรรมที่ฉ้อฉลของข้าราชการบางกลุ่มรัฐควรสนับสนุนให้คนกลุ่มนี้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคงโดยการสนับสนุนให้มีการจัดระเบียบร้านค้าให้เป็นระเบียบและสวยงามเป็นที่เชิดหน้าชูตาของประเทศไทยได้” ทั้งนี้ทางคณะกรรมาธิการฯ จะรับเรื่องไว้และจะหารือร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในวันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน นี้ เพื่อหาทางออกและแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป