ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #’กรณ์’ โต้ ‘สมคิด’ กรณี ‘อภิสิทธิ์’ แสดงจุดยืนไม่หนุน ‘ประยุทธ์’

#’กรณ์’ โต้ ‘สมคิด’ กรณี ‘อภิสิทธิ์’ แสดงจุดยืนไม่หนุน ‘ประยุทธ์’

15 March 2019
793   0

ปมสืบทอดอำนาจ! “กรณ์” โต้ “สมคิด” กรณี “อภิสิทธิ์” แสดงจุดยืนไม่หนุน “ประยุทธ์” เป็นนายกฯต่อ

นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ค ระบุว่า ผมต้องขอชี้แจงจากที่ ดร.สมคิดได้พูดถึงพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวานนี้ ซึ่งบิดเบือน และไม่ยุติธรรมกับพรรค

คุณอภิสิทธิ์ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนของพรรคต่อประเด็นเรื่องการสืบทอดอำนาจของท่านนายกฯประยุทธ์ ซึ่งแน่นอนมีทั้งคนที่ถูกใจและไม่ถูกใจ แต่ผมถือว่าเป็นสิทธิ์และหน้าที่ของพรรคที่จะแสดงจุดยืนทางอุดมการณ์ เพื่อให้ประชาชนไม่สับสนต่อความคิดและความตั้งใจของพรรค

การที่พรรคการเมืองมีความซื่อตรงในการแสดงจุดยืน ไม่เพียงพยายามพูดเพื่อเอาใจทุกคนไปวันๆ ผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ส่วนจะชอบในจุดยืนนั้นหรือไม่ เราก็เคารพความเห็นต่างเสมอ

และผมอยากจะเรียน ดร.สมคิดครับว่า บังเอิญวันเดียวกันกับที่ท่านได้กล่าวหาพรรคเรา ผมได้ไปพบกับนักลงทุนต่างชาติ และไปพร้อมกับตัวแทนหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และท่านหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เราได้ผลัดกันพูดถึงนโยบายของแต่ละพรรค และตอบคำถามเกี่ยวกับจุดยืนของแต่ละพรรค ซึ่งการแสดงจุดยืนว่าพรรคการเมืองสนับสนุนหัวหน้าพรรคตนเอง และไม่สนับสนุนหัวหน้าพรรคของพรรคคู่แข่ง เป็นเรื่องปกติในโลกสากล ผมจึงไม่เห็นว่ามีใครตระหนกตกใจแต่อย่างใด

ถ้าเปรียบกับคำถามที่ผมได้รับจากนักลงทุนต่างชาติเมื่อวานนี้ ผมเห็นว่าความกังวลสูงสุดทางการเมืองที่เขามีกลับเป็นผลของการใช้เสียง 250 เสียงของวุฒิสภาที่ คสช. เป็นผู้แต่งตั้ง หากมีการเลือกสวนทางกับเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏร เพราะการสืบทอดในทางที่ไม่เป็นประชาธิปไตยจะทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมได้

ทั้งนี้ (13มี.ค.) เว็บไซต์แนวหน้าออนไลน์ รายงานว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการสัมมนาผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ (SOE CEO Forum) ครั้งที่ 3 โดยมีนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง และปลัดกระทรวงการคลัง ร่วมงาน

โดยนายสมคิด กล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า ข้างหน้ามีภารกิจมากทีเดียว ยังไม่จบ ความเหลื่อมล้ำยังมีอีกมาก ทุกวันนี้เขาหาว่า เราสร้างความเหลื่อมล้ำ คนพูดมีสมองหรือเปล่า มีตาไหม คิดแต่ว่า พูดอย่างเดียวแล้วได้คะแนนเสียง มันน่าอับอายจริงๆ จนป่านฉะนี้แล้ว ฉะนั้นปัญญหาทุกคนต้องร่วมกันแก้ เพิ่มความสามารถของคนและเทคโนโลยี เราต้องร่วมกันเปลี่ยนแปลงใช่หรือไม่ ความเหลื่อมล้ำเพิ่งจะมาเกิดขึ้นตอนนี้หรือ โจทย์แค่นี้ไปพูดจนกระทั่งเกิดความไขว้เขวว่า ท่านนายกฯทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ จะเห็นว่า พอใกล้เลือกตั้งแล้วเป็นอย่างนี้ ก็ไม่ได้ว่า อะไร แค่ฟังแล้วรู้สึกกังวล

“มีหัวหน้าพรรคการเมืองบางพรรคบอกว่า ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ พูดเร็วไปมั้ย จะบอยคอตอะไรกันอีก เมื่อก่อนก็บอยคอตมาแล้ว 2 รอบ บอยคอยเสร็จอะไรตามมาล่ะ คนไทยลืมง่ายใช่ไหม นี่บอยคอตอีกละ แต่นี่ไม่ได้บอยคอตเลือกตั้ง แต่บอยคอตนายกฯเลย ว่าไม่ควรเป็นนายกฯ” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนมาเพื่อให้มีรัฐบาลผสม ดูก็รู้แล้ว ใครเขียนไม่รู้แหละ แต่รัฐบาลผสมแน่นอน จะมีรัฐบาลผสมของพรรคแกนหลักอยู่ไม่กี่พรรค และคะแนนก็เดาๆ กันได้ว่า พรรคไหนจะได้เท่าไร แต่ถ้าบอกซ้ายก็ไม่เอา ขวาก็ไม่เอา ต้องมีตนคนเดียว ฝรั่ง ญี่ปุ่น จีน นักลงทุนทั้งหลายที่พอจะบวกเลขเป็น พอเห็นพูดแบบนี้ก็เกิดคำถามว่า แล้วจะตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ ดังนั้นพูดทำไม ไม่ต้องพูด คิดในใจก็พอยังไม่ใช่เวลา ไม่ต้องไปพูดอะไรมากมาย พูดเรื่องนโยบายดีกว่า หรือว่า ไม่มีนโยบายให้พูด ตนว่า ประการหลังมั้ง ไปคิดนโยบายมา ไม่มีใครเขามานั่งจองเป็นรัฐบาลตลอดชาติ

“เรื่องบางเรื่องในช่วงการเมืองยังไม่แน่นอน เอกชนก็ชะลอการลงทุน ต่างประเทศรอดูความแน่นอน อย่างนี้พูดน้อยประเทศชาติจะได้ประโยชน์ พูดมากคนพูดอาจจะไม่ได้เป็นอีกก็ได้นะ พูดทำไม มีคนไทยเรากี่คนที่อยากจะให้การเมืองเราถึงทางตัน ดีไม่ดีจะไม่ได้ดั่งใจนะ ถ้าเขาเทไปให้อีกพรรค จะว่าไง ถึงตอนนั้นต่ำร้อยเมื่อไหร่ล่ะเดือดร้อน” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวอีกว่า เขาบอกว่า ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เพราะจะสืบทอดอำนาจ การที่คนๆ หนึ่งเป็นนายกฯ แล้วต้องเป็นหัวหน้า คสช. ด้วย จะไม่ให้เลือกตั้งตอนนี้ก็ได้นะ แต่เขายังเดินตามโรดแมปไปสู่การเลือกตั้ง จะดี จะชั่วไม่รู้ ไม่ต้องมานั่งเชียร์กัน แต่เขาก็ลงไปสู่การเลือกตั้ง อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรคการเมืองหนึ่ง ครม. ก็ยังไม่ได้ตั้ง มันสืบทอดอำนาจตรงไหน ถ้าบอกว่า สืบทอดอำนาจ ก็เพราะว่า ท่านต้องการที่จะมาทำงานต่อ รู้ใช่ไหม ประเทศมีปัญหาเยอะ มาถึงจุดนี้แล้ว ท่านอาจคิดว่า ตนเองต้องทำงานต่อ ทำการบ้านให้สำเร็จ ซึ่งจะทำได้ต้องมีอำนาจนี่คือ การสืบทอดอำนาจเพื่อให้บ้านเมืองมันดีขึ้น

“แล้วการที่มีพรรคการเมืองมาต้องการเป็นแล้วเป็นอีก มีผลงานหรือเปล่าไม่รู้ เราต้องตัดสินใจกันเอาเอง เคยเห็นผลงานที่เป็นที่ประจักษ์หรือไม่ แล้วประชาชนต้องการรัฐบาลที่ซ้ายไม่เอา ขวาไม่เอา ต้องเลือกผมเป็นนายกฯ นี่เขาเรียกสืบอะไร ดังนั้น อย่าพูดเยอะเลย พูดน้อยๆ” นายสมคิด กล่าว

รองนายกฯ กล่าวว่า ส่วนที่เขาบอกต้องการเข้ามา เพราะเศรษฐกิจเสียหายมาก จะเข้ามาฟื้นฟูนั้น นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง นั่งงงเลยว่า เสียหายตรงไหน เวิลด์แบงก์ก็ชม บลูมเบิร์กก็ชม ใครต่อใครก็ชม มีแต่พวกคุณที่คอยค่อนขอดอยู่เรื่อย ถามว่า เสียหายตรงไหน มีแต่เราที่ไปตามฟื้นฟูหลังจากที่พวกท่านเข้ามา รอบโน้น 6 ปี รอบนี้อีก 4 ปี ใครฟื้นฟูใคร ดังนั้นเลือกตั้งไม่ว่ากัน อีกไม่กี่เดือนก็ไปแล้ว ห่วงอย่างเดียว ห่วงว่า มันต้องอยู่นานกว่า2เดือน ตนนั่งนับกับนายอภิศักดิ์ว่า ถ้าอีก 3 เดือนทำอย่างไร ถ้าอีกต้อง 3 เดือนต้องขอร้องเลย พวกท่าน (ข้าราชการ) ต้องไม่ไขลาน ส่งออกโลกก็ไม่ดี เอกชนลงทุนก็ไม่มีความแน่นอน เพราะขอดูก่อน ดังนั้นการเมืองเป็นแบบนี้พวกท่านคือ กำลังที่เหลืออยู่ของประเทศไทย อย่าให้งานช้า ต้องเดิน พยุงเศรษฐกิจไปได้ นี่คือ ข้อที่เราเป็นกังวล

รองนายกฯ กล่าวด้วยว่า ที่พูดมาทั้งหมดนี้ไม่ได้ด่านะ ที่พูดเรื่องการเมืองก็เพราะเขามาว่า เราทำเสียหายเยอะ ซึ่งมันไม่ได้เสียหาย ก็ขอให้ช่วยกันดูแล 3 เดือนค่อยมาพูดกันใหม่ ถ้าเกิดตนกับนายอภิศักดิ์ไปแล้วไปลับไม่กลับมา พวกท่านต้องสืบทอดเจตนารมณ์ เดินต่อไปเรื่อยๆ ให้มันเข้มแข็ง ซึ่งถ้าเข็มแข็งเมื่อไร นักการเมืองดีก็มีเยอะ นักการเมืองไม่ดีก็เยอะ พวกท่านจะต้องยืนเป็นเสาหลักให้กับบ้านเมืองให้ได้ ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นตนอยากจะบอกตรงนี้ว่า ประเทศยังมีปัญหาเยอะ คนจนก็เยอะ ต้องช่วยกันแก้ปัญหาให้ได้ พวกท่านเป็นหลักของบ้านเมือง เป็นซุปเปอร์ซีอีโอ มีความสามารถทั้งสิ้น อย่าน้อยอกน้อยใจ ถ้าคิดว่า ทำผิดแล้วจะเป็นอะไรหรือเปล่าเลยไม่ทำดีกว่า ซึ่งไม่ทำได้อย่างไร ต้องทำงานให้หนัก แล้วบ้านเมืองจะเจริญ

“ผมหวังว่า การเมืองบ้านเราหลังเลือกตั้ง การค่อนขอดจะเริ่มเบาบางลงไป หลัง 24 มี.ค. พอชัดเจนปุ๊บ เราก็จะเห็นหนทางสว่างข้างหน้า ต่างประเทศก็จะรู้สึกว่า มันชัดเจนแล้ว แต่หากหลังเลือกตั้งแล้ว มันยังขมุกขมัวอยู่ อันนี้ก็ต้องช่วยกันประคับประคอง เพราะผมช่วยไม่ได้ ในเมื่อเราเดินมาถึงขนาดนี้แล้ว เราต้องเดินต่อไป” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

Cr.กรุงเทพธุรกิจ

สำนักข่าววิหคนิวส์