ซัด “พี่ป้อม-น้องตู่”จี้ ลาออก ปม นาฬิกา ยก สมัยเป็นนายกฯ สร้างมาตรฐานไว้ ขู่ อาจลามถึง”บิ๊กตู่” / ซัด บิ๊กตู่ ประดิษฐ์คำ “ประชาธิปไตยไทยนิยม” ดักคอ หลังเลือกตั้ง อย่าใช้ สว.เตือน อย่าเรียก ประชาธิปไตย ถ้ามันไม่ได้เป็น
นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ถูกขุดคุ้ย มากว่า 20 เรือน ว่า ไม่มีอะไรซับซ้อน ก่อนอื่นต้องพิสูจน์ว่านาฬิกามีอยู่จริงหรือไม่ ถ้าจริงต้องอธิบายว่าเป็นของใคร และถ้ามั่นใจในคำชี้แจงก็ไม่มีอะไรเสียหายที่จะบอกต่อสาธารณชน แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ ตอนนี้เรื่องยืดเยื้อและประชาชนไม่พอใจ พลันจะรามไปถึงนายกรัฐมนตรีด้วย เป็นเรื่องอื้อฉาวที่กระทบต่อภาพลักษณ์
“ถ้ายังจำกันได้ในสมัยที่ผมเป็นรัฐบาล เพียงแค่เกิดเรื่องราวขึ้น และยังไม่ได้พิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรมว.สาธารณสุข หรือกรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยังขอลาออก เพื่อตัดไฟแต่ต้นลมไม่ให้เกิดปัญหา ซึ่งผมจำคำพูดของนายวิทยา บอกได้ว่า “ผมไม่อยากเป็นภาระของรัฐบาล”
นายอภิสิทธิ์ ยัง กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ระบุต้องมีประชาธิปไตยแบบไทยนิยม ว่า ไม่ทราบว่าประชาธิปไตยไทยนิยมเป็นแบบใด ซึ่งต้องระมัดระวัง การใช้คำดังที่มีความหมายในตัวของมันค่อนข้างชัด มีการไปแต่งเติมเงื่อนไขต่างๆ ก็คงต้องมาดูว่าถึงจุดหนึ่งเป็นการใช้ถ้อยคำที่เที่ยงตรงหรือไม่
อย่างกรณีประชาธิปไตยที่เคร่งครัดก็ต้องบอกว่า คือประชาธิปไตยเสรีนิยม ซึ่งมีหลักการพื้นฐานอยู่ ประชาธิปไตยคืออำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ความหมายคือประชาชนสามารถกำหนดทิศทางต่างๆของบ้านเมืองได้ แต่ความเป็นไทยในประชาธิปไตยแบบไทยๆอยู่ที่ไหน มีเรื่องอะไรที่เป็นแบบไทยๆ
ตอนนี้บอกได้แบบเดียวว่าไม่เป็นสากลก็เลยเป็นไทย สำหรับผมไม่เคยปฏิเสธว่าการปรับให้เข้ากับสังคมวัฒนธรรมมีความจำเป็น แต่คงไม่ใช่เอาเรื่องวัฒนธรรมหรือสังคมมาเป็นข้ออ้างในการจะยกเว้นไม่ปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย แต่ยังอยากจะใช้คำที่ดูเป็นเรื่องดี เป็นสากลอยู่ แล้วก็อ้างว่าเป็นอย่างนั้น
“ความเป็นประชาธิปไตยคือ หลังการเลือกตั้ง ถ้าส.ส.เกินกึ่งหนึ่งของคนที่มาจากการเลือกตั้ง เขาจะจัดตั้งรัฐบาล ไม่ควรจะมีการใช้อำนาจวุฒิสภา เพื่อฝืนเจตนารมณ์นั้น เพราะมันไม่ใช่ประชาธิปไตย หรืออย่าไปใช้คำว่าประชาธิปไตยแบบไทยนิยม
ผมต้องถามว่าความเป็นไทยของวุฒิสภามีมากกว่าความเป็นไทยของการเลือกตั้งของคนไทยอย่างไร หากอ้างว่าทำตามรัฐธรรมนูญ ก็ต้องบอกว่ารัฐธรรมนูญนิยมกับประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องเดียวกัน เพราะในประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตยก็มีรัฐธรรมนูญเช่นกัน
หากยังจำกันได้ในสมัยรัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มีคำว่าประชาธิปไตยครึ่งใบ ซึ่งผมคิดว่าอย่างน้อยยังมีความตรงไปตรงมา ยอมรับเป็นประชาธิปไตยครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งไม่เป็น แต่ไม่ใช่บอกว่าเป็นประชาธิปไตยเต็มที่ เพราะมันไม่ได้เป็น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำนักข่าววิหคนิวส์