นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนในงานแถลงข่าวประจำสัปดาห์ ที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ถึงกรณีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีชื่อถูกปรับออกจากครม.ว่า ไม่เคยทราบเรื่องนี้จริงๆ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ทราบ ส่วนที่มีการนำเสนอข่าวเตรียมเก็บของและคืนรถยนต์ประจำตำแหน่งนั้น ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงและไม่ได้ใช้รถยนต์ประจำตำแหน่ง ใช้แต่รถยนต์ส่วนตัวมานานแล้ว “ไปทำเนียบรัฐบาลก็ใช้คันนี้ (รถยนต์ส่วนตัว) มาโดยตลอด ส่วนที่มีการขนย้ายภาพวาดในห้องทำงานนั้น เป็นภาพวาดส่วนตัวที่ได้รับมา จึงขนย้ายกลับบ้าน ขอยืนยันว่าตอนนี้ไม่ได้มีการเก็บของ เพราะไมมีเวลา ทำงานเพียงอย่างเดียว”
ตรงประเด็น – ผู้สื่อข่าวรายงาน ในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ครั้งนี้เป็นหมายปกติที่มีการแจ้งสื่อมวลชนไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะมีข่าวการปรับครม. ซึ่งครั้งนี้มีสื่อมวลชนมารอทำข่าวเป็นจำนวนมากกว่าปกติในทุกๆครั้งที่มีแถลงข่าวเนื่องจากมีกระแสข่าวว่านางกอบกาญจน์อาจหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรี โดยผู้สื่อข่าวได้ตั้งคำถามว่า “รู้สึกเสียใจไหมที่เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะตั้งใจทำงานเต็มที่ แต่ที่สุดถูกปรับออก นางกอบกาญจน์กล่าวตอบว่า “ทำเต็มที่” และหยุดชะงักไปชั่วขณะพร้อมกับมีน้ำตาคลอเบ้าก่อนจะเริ่มพูดอีกครั้งว่า “ขอบคุณที่ทำให้มีโอกาส ได้มีความรู้สึกรักและภูมิใจประเทศไทยผ่านการท่องเที่ยว ซึ่งทุกจังหวัดมีความสวยงาม ถ้าไม่ไปด้วยตนเองจะไม่รู้ เคยเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มองไม่เห็นความงามของจังหวัดที่อยู่ห่างไกล แต่เมื่อเข้ามาทำงาน ก็ตระหนักว่า การท่องเที่ยวทำให้คนรักชาติรักแผ่นดิน เกิดอีกกี่ชาติก็จะขอเกิดเป็นคนไทย และทุกคนสามารถส่งต่อความสวยงามให้ลูกหลานได้เพียงแค่ลงมือทำ”
นางกอบกาญจน์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาได้เน้นการทำงานร่วมกับท้องถิ่น เพื่อสร้างฐานรากการท่องเที่ยวชุมชนให้มีความเข้มแข็ง ไม่ยึดติดกับตัวบุคคล เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกเสมอว่ามีเวลาน้อย และต้องทำงานโดยมีความพร้อมที่จะส่งต่องานอยู่ตลอดเวลา โดยส่วนตัวไม่กังวลใจหากจะต้องออกจากตำแหน่ง แต่ดีใจที่ได้ทำงานปลุกพลังให้คนรุ่นใหม่ รักชาติรักบ้านเกิด และตนเองก็จะยังเดินหน้าทำเพื่อชาติบ้านเมืองต่อไป
นางกอบกาญจน์ บอกถึงสาเหตุที่ร้องไห้เพราะเป็นคนอ่อนไหวง่าย หรือ Emotional “น้อง(ชื่อเล่นของนางกอบกาญจน์)มาอยู่ที่นี่ น้องรักนครศรีธรรมราช รักน่าน รักสตูล รักเมืองไทย มานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีทำให้น้องรักแผ่นดินไทย รักชาติ หากได้เกิดใหม่ก็จะขอเกิดในประเทศไทย ขอบคุณที่ให้เรียนรู้ การทำงานตรงนี้ไม่ใช่เรื่องเงินทอง เป็นเรื่องของคนต่อคน ใจต่อใจ ดีใจที่อย่างน้อยทำให้เด็กไทยหลายคนรักเมืองไทย รักบ้านเกิดตามนโยบายที่ให้เยาวชนกลับไปทำงานที่บ้าน กระจายรายได้ให้ท้องถิ่น”
นางกอบกาญจน์ ได้กล่าวถึงผลงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่เห็นได้ชัดคือปรับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยจากการท่องเที่ยวราคาถูกมาสู่การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ เชื่อมโยงกิจกรรมกีฬาสู่การท่องเที่ยว มีการขายแพ็กเกจทัวร์ในร้านจำหน่ายอุปกรณ์กีฬา และยังร่วมมือกับกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในแต่ละจังหวัดดึงเข้ามาเป็นแนวร่วมการท่องเที่ยววิถีไทยเพื่อสร้างเจ้าบ้านที่ดี ส่วนเรื่องที่ยังไม่พอใจก็ได้แก่ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว แม้จะดีขึ้น แต่ก็อยากจะให้ไม่มีอันตรายจนถึงชีวิตเกิดขึ้นเลยแม้แต่รายเดียว หรือ อัตราการเสียชีวิตเป็นศูนย์เลยแม้ว่าจะยากมากก็ตาม
นางกอบกาญจน์ ยังชี้แจงสาเหตุที่เดินทางไปต่างประเทศบ่อย ก็เพื่อกระจายความเสี่ยงด้านการท่องเที่ยว ต้องเปิดตลาดใหม่ๆ นำข้อมูลไปชี้แจง ไม่ใช่รอนักท่องเที่ยวจากตลาดหลักๆเท่านั้นในส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวก็เติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึงวันที่ 21 พฤษภาคม 2560 พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมจำนวน 30.9 ล้านคน ขยายตัว 7.7% ก่อให้เกิดรายได้ 1.6 ล้านล้านบาท ขยายตัว 10.3% ขณะที่สถานการณ์ไทยเที่ยวไทยจำนวนเพิ่มขึ้น 6.3% รายได้เพิ่มขึ้น 7.3% หรือประมาณ 6.95 แสนล้านบาท จะเห็นได้ว่าสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในทั้ง 2 กลุ่ม ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้ หากดูจากอัตราการจองที่พักที่มีการจองยาวต่อเนื่องไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าแล้ว ก็มั่นใจว่ารายได้จากการท่องเที่ยวปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย 2.7 ล้านล้านบาท หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นประมาณ 8% ได้แน่นอน
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการให้การท่องเที่ยวกระจายเม็ดเงินลงสู่ชุมชน กระทรวงการท่องเที่ยวจึงได้เพิ่มกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน และการท่องเที่ยวเชิงอาหาร หรือใช้เมนูอาหารดึงนักท่องเที่ยว โดยจะทยอยเปิดตัวชุมชนที่มีความเข้มแข็งและมีความพร้อมรองรับการท่องเที่ยว 33 แห่ง แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ชุมชนที่มีแหล่งท่องเที่ยวเป็นของตัวเอง และชุมชนที่นำสินค้ามาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เน้นย้ำมากในขณะนี้ก็คือความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะรถเช่า หรือ รถตู้ ที่กำลังเป็นที่นิยมและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ร่วมมือกับ กรมการขนส่งทางบกจัดทำมาตรการตรวจสอบบริษัททัวร์พร้อมกำหนดบทลงโทษ ซึ่งบริษัทใดที่ผ่านมาตรฐานของกรมการขนส่งทางบก กระทรวงท่องเที่ยวฯจะรวบรวมรายชื่อมาจัดทำเป็นกลุ่มบริษัทที่กระทรวงฯแนะนำให้ใช้บริการ เบื้องต้นน่าจะเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพราะเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ส่วนรายชื่อฉบับสมบูรณ์น่าจะเสร็จทันก่อนเทศกาลสงกรานต์ปีหน้า
สำนักข่าววิหคนิวส์