22 ก.ย.2565 – ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดนครพนม ว่า ภายหลังการประกาศปลูกกัญชาเสรีของรัฐบาล รวมถึงพรรคภูมิใจไทย นำร่องให้พื้นที่จังหวัดนครพนม เป็นมหานครแห่งกัญชา และส่งเสริมสนับสนุนให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ดำเนินการปลูกกัญชาภายใต้กฎหมายกัญชาเสรี ที่มีการพิจารณาแก้กฎหมาย ให้พืชกัญชาพ้นจากยาเสพติดประเภท 5 ทำให้มีประชาชนแห่เข้าร่วมโครงการ ต่างลงทุนสร้างโรงเรือนพร้อมจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ตลอดจนยื่นเอกสารขอปลูกกันเป็นจำนวนมาก
จากข้อมูลทราบว่ามีวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่นครพนม เข้าร่วมโครงการกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล(รพ.สต.) ตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุขปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์มากกว่า 100 กลุ่ม
แต่ล่าสุดจากการตรวจสอบพบว่า มีวิสาหกิจชุมชนปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ที่ผ่านการขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย มีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น ที่เหลือจำนวนอีกเกือบ 100 แห่งที่ยังถูกลอยแพ กลายเป็นวิสาหกิจชุมชนเถื่อน ที่ไม่มีการรองรับตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่มีการนำร่องปลูกล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ต้องแบกภาระการลงทุนมานานนับปี โดยไม่สามารถปลูกกัญชาส่งขายได้ อีกทั้งภายหลังมีการโหวตคว่ำการพิจารณาร่างกฎหมายกัญชาของสภาผู้แทนราษฎร ส่งผลกระทบต่อวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชา เพราะไม่มีกฎหมายชัดเจนในการควบคุม และไม่มีแนวทางในการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมาย ทำให้มีตัวแทนวิสาหกิจชุมชน ออกมาเรียกร้องไปยังรัฐบาลและหน่วยงานเกี่ยวข้อง ออกมาเร่งตรวจสอบแก้ไข ชดเชยเยียวยาพร้อมวางแนวทางช่วยเหลือ
นางสาวพรปวีร์ จิตมาตย์ อายุ 44 ปี ตัวแทนวิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรทางการแพทย์แบบผสมผสาน หมู่ 13 บ้านนาบัง ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม เปิดเผยว่า สำหรับวิสาหกิจชุมชนดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการรวมกลุ่มเกษตรกรประมาณ 10 คน ก่อตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน ปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 โดยความร่วมมือกับทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลในพื้นที่ เคยยื่นหลักฐานเสนอการขออนุญาตปลูกกัญชามาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี และมีการลงทุนก่อสร้างโรงเรือนตามแบบมาตรฐาน เป็นพื้นที่ดำเนินการปลูก ระดมทุนรวมกว่า 2.5 แสนบาท แต่สุดท้ายไม่ได้รับการอนุญาต เนื่องจากไม่มีความชัดเจนทางกฎหมาย ไม่มีหน่วยงานรัฐเป็นพี่เลี้ยงที่จะเข้ามาตรวจสอบดูแล การเสนอขออนุญาต ตามระเบียบกฎหมาย ปล่อยให้เกษตรกรดำเนินการเองทุกขั้นตอน สุดท้ายถูกดองเรื่องยาว
ในที่สุดมีปัญหา โหวตคว่ำการพิจารณาร่างกฎหมายกัญชาของสภาผู้แทนราษฎร จึงส่งผลกระทบต่อวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชา ไม่มีกฎหมายในการควบคุม หรือแนวทางที่ชัดเจน ต้องถูกลอยแพ ไม่สามารถขออนุญาตได้ ต้องหาแนวทางในการช่วยเหลือตนเอง หนำซ้ำโรงเรือนที่ก่อสร้างไว้ได้รับความเสียหาย ซ่อมแซมมาแล้ว 2 ครั้ง ต้องแบกทั้งภาระต้นทุน ปัญหาการขออนุญาตที่ไม่มีความชัดเจน เกิดความสับสน นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการตลาด เพราะปัจจุบันมีการปลูกกัญชาเสรีมากขึ้น ทำให้กัญชาใต้ดินที่ไม่มีการก่อตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนมาตีตลาดขายในราคาถูก ทั้งนี้จึงฝากรัฐบาล รวมถึงหน่วยงานเกี่ยวข้อง และพรรคภูมิใจไทย ที่เสนอเป็นนโยบายสำคัญ เร่งหาทางช่วยเหลือ วางแนวทางรองรับแก้ไขปัญหา ชดเชยเยียวยากับการลงทุนที่เกิดขึ้น เพราะวิสาหกิจเหล่านี้กำลังถูกปล่อยลอยแพ