เกาหลีใต้, จีนและญี่ปุ่น จะจัดประชุมไตรภาคีที่กรุงโตเกียวในสัปดาห์หน้า จากการเปิดเผยของโซลในวันอังคาร(1พ.ค.) ความเคลื่อนไหวทางการทูตล่าสุดที่มีประเด็นเกาหลีเหนือเป็นแก่นกลาง
การรวมตัวในวันที่ 9 พฤษภาคม จะเป็นการนำประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ของเกาหลีใต้, นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะแห่งญี่ปุ่น และหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เข้าสู่โต๊ะประชุมระหว่าง 3 ชาติเพื่อนบ้านเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี
ขณะเดียวกันมันยังเกิดขึ้น หลังจาก มุน เพิ่งพบปะหารือครั้งประวัติศาสตร์กับ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว โดยระหว่างการประชุมทั้งสองประกาศจะหาทางปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีและแสวงหาสนธิสัญญาสันติภาพเพื่อยุติสงครามเกาหลีปี 1950-53 อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศก่อนหน้าการประชุมซัมมิตระหว่างคิมกับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามพวกนักวิเคราะห์เรียกร้องให้ระมัดระวัง โดยเตือนว่าเกาหลีเหนือก็เคยให้สัญญาแบบเดียวกัน แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงความว่างเปล่า และบอกว่าเปียงยางยังไม่พูดอย่างชัดเจนว่าพวกเขามีความตั้งใจประนีประนอมมากน้อยแค่ไหนในเรื่องอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของพวกเขา
ทั้ง 3 ชาติเพื่อนบ้านมีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่งในเรื่องเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ โดยเกาหลีใต้อยู่ในฐานะเพื่อนบ้าน ส่วน ญี่ปุ่น พันธมิตรหลักของสหรัฐฯ บางครั้งก็ตกเป็นเป้าหมายของการข่มขู่คุกคาม ขณะที่จีนคือพันธมิตรทางการค้าและผ้สนับสนุนทางการทูตของเปียงยาง
“เราต้องการย้ำความร่วมมือกับประธานาธิบดีมุน ก่อนหน้าการประชุมซัมมิตระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ” อาเบะกล่าวระหว่างเยือนกรุงอัมมาน เมืองหลวงของจอร์แดน พร้อมระบุว่าการประชุมซัมมิตที่กำลังมาถึงนั้น “มีความสำคัญอย่างยิ่ง”
“ผมต้องการให้มีการหารือกันอย่างละเอียดถี่ถ้วนถึงแนวทางที่เราจะสามารถพาเกาหลีเหนือเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้อง คลี่คลายประเด็นลักพาตัว ประเด็นขีปนาวุธและนิวเคลียร์ และสร้างอนาคตใหม่ที่สดใส” เขากล่าว อ้างถึงกรณีที่เกาหลีเหนือเคยลักพาตัวพลเมืองญี่ปุ่นเพื่อนำไปฝึกเป็นสายลับเมื่อหลายทศวรรษก่อน
ญี่ปุ่น มีจุดยืนที่แข็งกร้าวมานานเกี่ยวกับการเจรจากับเกาหลีเหนือ แต่ระยะหลังต้องพบว่าตนเองกำลังถูกทิ้งไว้ให้อยู่วงนอก และด้วยมีความกังวลมากขึ้นว่าโตเกียวควรเปลี่ยนท่าทีหรือไม่ อาเบะ จึงได้แสดงออกถึงความตั้งใจที่จะพบปะกับ คิม จองอึน ซึ่งข้อความดังกล่าว มุน ได้นำไปถ่ายทอดให้ผู้นำเกาหลีเหนือรับทราบ ระหว่างการประชุมซัมมิตเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว
ทำเนียบของประธานาธิบดีเกาหลีใต้เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์(29เม.ย.) ว่า คิม ได้ตอบกลับมาว่า “เขาเต็มใจพูดคุยกับญี่ปุ่นทุกเมื่อ” พร้อมระบุว่าผู้นำเกาหลีใต้จะรู้สึกยินดียิ่งหากได้เป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างโตเกียวกับเปียงยาง
การเยือนโตเกียวของมุน จะทำให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนแรกที่เดินทางไปญี่ปุ่นในรอบกว่า 6 ปี ในขณะที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติตกอยู่ในภาวะมึนตึงจากเรื่องราวในอดีตและข้อพิพาทด้านเขตแดน
สำนักข่าววิหคนิวส์