วันนี้ (20 พ.ค.64) ที่พรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล นำกลุ่มผู้เดือดร้อนจากการฉ้อโกง และอดีตลูกจ้างของนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก เข้ายื่นข้อมูลร้องเรียนต่อนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะประธาน กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ ของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ กมธ. ติดตามสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความคืบหน้าของคดี
นายวิโรจน์ เปิดเผยว่า ตนเองได้ทำหนังสือถึงนางสาวศิริกัญญา ในฐานะประธาน กมธ. การพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อดำเนินการเชิญหน่วยงานของกองทัพและหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลคดีนี้ เบื้องต้นทราบว่าเป็นกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. และอาจไปถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ด้วย เพื่อหารือกันว่าจะทำอย่างไรให้กระบวนการอายัดทรัพย์สินเครือข่ายธุรกิจที่มีส่วนทำให้ประชาชนเสียหายให้มาอยู่ในกระบวนการชดใช้เยียวยาประชาชนให้มากและเร็วที่สุด
ด้าน นายณัฐพล พรหมเวช เปิดเผยว่าตนเองเป็นทนายความผู้รับมอบอำนาจจากกลุ่มผู้เสียหายมีมูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งเป็นความเสียหายของเงินในกระเป๋า เงินในอดีต เงินในปัจจุบัน และเงินในอนาคตด้วย เพราะว่าเครือข่ายของนายประสิทธิ์ มีการให้ผู้เสียหายหยิบยืมกู้เงินจากธนาคารมาอีก และสอนว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะกู้ธนาคารได้ รวมทั้งใช้บัตรเครดิตอย่างไร โดยแต่ละคนเป็นหนี้รวมราว 2-3 ล้านบาท
ทั้งที้ นายณัฐพล ยังเผยว่า หลายคนอยู่ในวัยเกษียณแล้ว และต้องเอารถเอาบ้านไปจำนองกับไฟแนนซ์ เพราะดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยที่นายประสิทธิ์สัญญาไว้ว่าจะให้ราว 4-10% ต่อเดือน ทำให้ผู้หลงเชื่อเสียหายค่อนข้างมาก โดยดอกเบี้ยบัตรเครดิต ดอกเบี้ยจำนองและรายได้ในภาวะเศรษฐกิจช่วงโควิด ทำให้คนเหล่านี้ค่อนข้างสิ้นหวัง ถ้าเป็นไปได้ หน่วยงานหรือองค์กรใดที่สามารถนำเงินคืนให้ผู้เสียหายได้มากที่สุดเพื่อบรรเทาความเสียหาย ตนเองคิดว่าเป็นการดีต่อทุกคน
ขณะที่ นายวิมุตพงษ์ จันทร์แก้ว หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่าเหตุผลที่ตนเองเชื่อมั่นใจตัวนายประสิทธิ์ และร่วมลงทุนเพราะเชื่อโดยสนิทใจจากการค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ว่าเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ลงไปช่วยเหลือชุมชน และที่สำคัญคือเป็นจิตอาสา 904 ด้วย และผลตอบแทนที่ได้รับในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาก็เป็นตัวการันตีว่าธุรกิจไปรอดแน่ๆ โดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ยังได้รับผลตอบแทนดี จึงลงเงินไปโดยไม่มีคำถาม และไม่เคยคิดว่าถ้าเขาจ่ายช้าสัก 1-2 วันจะทำอย่างไร นี่จึงเป็นเหตุผลที่ตอนแรกไม่กล้าดำเนินคดีกับเขา แม้เขาจะปฏิเสธการจ่ายมาแล้ว 3 ครั้งก็ตาม
ส่วน น.ส.ศิริกัญญา เปิดเผยว่าคดีนี้ถือเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก สิ่ง กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจจะทำได้ คือการเรียกหน่วยงานกองทัพและราชการที่เกี่ยวข้องที่อาจจะได้รับบริจาคจากนายประสิทธิ์มาก่อน เพื่อดำเนินการอายัดทรัพย์และกันไว้เป็นส่วนหนึ่งสำหรับผู้เสียหายได้ นอกจากตรงนี้แล้ว ทางผู้เสียหายได้พูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ากระบวนการของคดีจะเป็นอย่างไรเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเงินและความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นจะได้รับการชดใช้ชดเชยอย่างไร สุดท้าย เรายังสามารถให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) หรือธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะเข้ามาคุ้มครองตรงนี้ได้ เพราะความเสียหายไม่ได้เกิดเฉพาะกับลูกค้าที่ถูกล่อลวงให้เกิดการลงทุน แต่ส่วนหนึ่งก็เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าและบริการ รวมถึงการตั้งสถาบันการเงินเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ด้วย ดังนั้น ต้องมีอีกหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือด้านกฎหมาย เพราะผู้เสียหายคือประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือส่วนนี้ด้วย
ส่วนขั้นตอนการดำเนินการหลังจากนี้ น.ส.ศิริกัญญา เปิดเผยว่า จะเตรียมบรรจุวาระประชุม เพื่อส่งหนังสือเรียกเชิญไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดซึ่งคดีนี้มีความแยบยลมากกว่าคดีแชร์ลูกโซ่ทั่วไป เพราะมีการสัญญาให้ผลตอบแทนประมาณ 5% ต่อเดือน ไม่ได้มีผลตอบแทนหวือหวาเหมือนกรณีแชร์ลูกโซ่อื่นๆ พร้อมทั้งมีโมเดลการบริหารจัดการเงินและธุรกิจ เช่นการบอกว่าจะนำเงินไปสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนที่ผู้ลงทุนเองก็จะได้รับซื้อสินค้าในราคาถูกกว่าราคาสินค้าตามท้องตลาด
—————————————————————
• ข่าวย้อนหลัง : www.vihoknews.com
• กลุ่มเฟซบุ๊ก Vihoknews : https://m.facebook.com/vihoknews/
• LINE : @vihoknews
. LINE กลุ่ม : https://line.me/ti/g2/rqsZ-ysjK2GM62hT1O0DPw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
• Twitter : @vihoknews
• YouTube : https://youtube.com/c/FaretzCassicam
สนับสนุนสถานี : มูลนิธิโฮรี่ 561-7-08721-7 ธนาคารกรุงเทพ
ทีมงาน : 082-107-0396