3 พ.ค.2565 – นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล เปรียบเทียบพรรคประชาธิปัตย์เป็นเห็บ เมื่อหมาตายก็พร้อมจะกระโดดหนีจากการร่วมรัฐบาล ว่า คงไม่บังอาจสอนหลักการการเป็นโฆษกพรรคที่ดีให้นายรังสิมันต์ได้ โดยพาะเรื่องมารยาทดีและมารยาททรามยิ่งไม่สามารถสอนได้ เพราะเป็นเรื่องของจิตสำนึกลึกๆตั้งแต่เกิด ไม่สามารถดัดนิสัยตอนอายุเพิ่มมากขึ้นได้ แต่ขอย้ำว่าการร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ร่วมเพื่อประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เข้าร่วมรัฐบาลเพื่อไปทำหน้าที่แทนประชาชน ทำประโยชน์ให้กับประชาชน
นายราเมศ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น พรรคดำเนินการทางการเมืองตรงไปตรงมา ให้เกียรติกับผู้ร่วมงานตลอดมา ไม่มีความคิดที่จะหักหลังหรือแทงข้างหลังใคร เชื่อว่าพรรคการเมืองและนักการเมืองที่มีวุฒิภาวะจะตระหนักในหลักการกระบวนการในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการต่อสู้กันในสภาด้วยเหตุและผล การกล่าวหาด้วยถ้อยคำที่โจมตีใส่ร้ายไม่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงทั้งสิ้น และตนย้ำอยู่เสมอว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นสิทธิของฝ่ายค้านตามระบอบประชาธิปไตย ไม่มีความกังวลใดๆทั้งสิ้น
นายราเมศ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีนายรังสิมันต์ พาดพิงกระทรวงพาณิชย์เรื่องปัญหาของแพงนั้น ขอย้ำว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิดและแก้ปัญหา ดำเนินคดีกับพวกฉวยโอกาสอย่างเต็มที่ ต้องยอมรับว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้สินค้าบางอย่างขึ้นราคา ไม่ว่าราคาน้ำมัน ที่จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่ง และต้นทุนการผลิตสินค้า กระทรวงพาณิชย์ยังเข้มงวดราคาสินค้าจำเป็น 18 หมวด รวมถึงอาหารสด ที่ห้ามขึ้นราคาโดยไม่จำเป็น
นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า ในส่วนของถ้อยคำการให้สัมภาษณ์ของโฆษกพรรคก้าวไกล จะส่งให้ฝ่ายกฎหมายที่ดูแลเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และ ส.ก. เพื่อพิจารณา เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการเลือกตั้ง การใส่ร้ายโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยถ้อยคำที่เป็นเท็จ ถือได้ว่าเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเข้าใจผิดในคะแนนนิยมของพรรคที่ได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม. และ ผู้สมัคร ส.ก. ทั้งนี้ ขอย้ำว่านักการเมืองที่มีวุฒิภาวะจะไม่ใช้วิธีการโจมตีใส่ร้ายกันเช่นนี้ ควรมีหลักการที่ดีในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง