2 ม.ค. 2565 – นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองในปี 2566 ว่า สถานการณ์การเมืองต้องดูใน 2 เงื่อนไข คือ 1.ขณะนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นอภิปรายทั่วไปรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 แล้ว ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดอภิปรายได้ปลายเดือนม.ค. ก็อยากให้ติดตามชมดูว่าข้อมูลที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้นำเสนอนั้น แม้จะเป็นการอภิปรายทั่วไปแต่น้ำหนักหรือประเด็นที่จะอภิปราย เทียบเท่ากับการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ฉะนั้น อาจจะสั่งสะเทือนต่อรัฐบาลตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า 2.เราเชื่อมั่นว่าในปี 2566 นั้นจะต้องเกิดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นแน่ๆ เร็วสุดอาจจะเป็นเดือนมี.ค.นี้ หรือช้าสุดก็อาจจะเป็นต้นเดือนพ.ค. ฉะนั้น เมื่อเกิดการเลือกตั้งคงต้องขอดูคณิตศาสตร์ทางการเมือง ตัวเลขสุดท้ายว่าแต่ละพรรคการเมืองจะมีคะแนนรวมเท่าไหร่ แต่ตนเชื่อว่าหากเป็นฝ่ายค้านในปัจจุบัน หรือเป็นฝ่ายประชาธิปไตย หากคะแนนมากพอ ก็น่าจะนำไปสู่การปิดสวิตช์ ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรีไปโดยอัตโนมัติ แม้ในทางกฎหมายอาจจะปิดไม่ได้
“ ฉะนั้น ชื่อของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะมีความสำคัญต่ออนาคตและทิศทางการเมืองของประเทศไทย ส่วนเงื่อนไขอีกประการหนึ่งซึ่งเป็นปัจจัยที่จะตามมาคือ ในกรณีที่หาคณิตศาสตร์ทางการเมือง หรือท้ายที่สุดผลการเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ตรงกับสิ่งที่ประชาชนมอบความไว้วางใจกับพรรคการเมือง เช่น อาจจะมีการผิดมารยาททางการเมือง ในการที่พรรคบางพรรค โดยเฉพาะพรรคที่เกี่ยวข้องกับการสืบทอดอำนาจ และไม่ได้คะแนนสูงสุด ส่งแคนดิเดตลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่กลับได้รับแรงสนับสนุนจากส.ว. เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี 2562 แบบนี้ผมไม่อยากคาดเดา แต่เชื่อว่า หากเป็นสถานการณ์เช่นนั้นจริง จะเป็นอีกครั้งที่พี่น้องประชาชนจะไม่ทนอีกแล้ว เพราะทนมาจริงๆ หากถึงปีหน้าจะครบ 9 ปี เพราะไม่ใช่แค่ประเด็นทางการเมืองแต่ส่งผลกระทบต่อปัญหาปากท้อง ซึ่งหากเงื่อนไขที่2 ไม่เป็นตามนั้นเงื่อนไขนี้ก็จะตามมา” นายณัฐวุฒิ กล่าว