วันที่ 4 มิ.ย.63ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ…. วงเงิน 8.8 หมื่นล้านบาท ตามที่รัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ
จากนั้นนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทยได้รับมอบจากผู้นำฝ่ายค้านให้เป็นผู้อภิปรายแทนว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นครั้งแรกของสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพราะการพิจารณากฎหมายโอนงบประมาณตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามีแล้ว 5 ครั้ง โดยเป็นการพิจาณาของสภาฯที่ไม่ได้มาจากการเลือกของประชาชน จากการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแล้วขอเรียนตามตรงว่าไม่สามารถรับหลักการได้ด้วยเหตุผล 2 ประการ 1.หลักการขัดกับหลักประชาธิปและกฎหมายอื่น ซึ่งตามหลักการนำงบประมาณไปใช้ต้องคำนึงถึงหลักความยินยอมของประชาชน
เป็นหลักการสำคัญที่สภาต้องตรวจสอบได้ คือ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 กำหนดห้ามไม่ให้มีการโอนงบประมาณข้ามหน่วยงานเท่านั้น แม้กฎหมายจะอนุโลมให้โอนงบประมาณ แต่การโอนงบประมาณนั้นต้องเป็นโอนกันระหว่างหน่วยรับงบประมาณด้วยเท่านั้น ซึ่งการโอนงบประมาณเข้างบกลางนั้นจะมีปัญหาเรื่องความชอบด้วยกฎหมายทันที โดยงบกลางไม่ได้มีสถานะเป็นหน่วยรับงบประมาณ แต่เป็นเพียงรายการการใช้เงินเท่านั้น ประกอบกับ งบกลางส่วนนี้ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ คือ นายกฯเท่านั้น
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า 2.รายการของการโอนงบประมาณครั้งนี้ต้องเรียกว่า “จอมโอนแห่งยุค” เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ทำการโอนงบประมาณมาแล้ว 4 ครั้งตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ประกอบกับ เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ออกประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เพื่อกำหนดสัดส่วนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 2% แต่ไม่เกิน7.5% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งเป็นการแก้ไขระเบียบมารองรับเพื่อให้งบกลางอยู่ในอำนาจของนายกฯแต่เพียงผู้เดียวมากขึ้น
“การทำร่างกฎหมายเช่นนี้เหมือนกับการเป็นหมัดมือสภาฯและตีเช็คเปล่า หากสภาอนุมัติให้ผ่านไป เราจะเป็นสภาฯจากการเลือกตั้งชุดแรกที่มีรอยด่างว่าถูดมัดมือชกและเห็นชอบกฎหมายโอนงบประมาณที่ไม่ควรเห็นชอบ เพราะไม่มีรายละเอียด ดังนั้น เพื่อศักดิ์ศรีของสภาฯเราโปรดอย่าได้รับหลักการ แต่หากจะรับหลักการก็ต้องรับหลักการแบบมีเงื่อนไข โดยหากการพิจารณาวาระ2และ3ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการใช้งบประมาณอีก ฝ่ายค้านในฐานะเสียงข้างน้อยจะโหวตคว่ำเพื่อบันทึกเอาไว้” น.พ.ชลน่าน กล่าว
สำหรับการโยกงบประมาณครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อนำเงินงบประมาณ มาช่วยเหลือเยียวยาประชาชน ในช่วงโควิดระบาด