เมื่อวันที่ 8 ม.ค. เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงความไม่มันใจการใช้งานแอพพลิเคชัน “ หมอชนะ” จะได้ผลว่า แอพพลิเคชัน “ หมอชนะ” ถือเป็นเครื่องมือติดตามตัว เพื่อให้การสอบสวนโรคมีความง่ายขึ้น และเหมือนเป็นพาสปอร์ตในการเดินทาง เพราะภาครัฐมีความมั่นใจว่า ท่านได้มีการแสดงตัว ถ้าสามารถทำได้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก ทั้งนี้ ขอชี้แจงทำไมต้องมีแอพพลิเคชัน “ หมอชนะ” ซึ่งข้อกำหนดในฉบับที่ 16 ข้อ 6 ระบุว่า เพื่อให้ประชาชนงด หรือชะลอการเดินทางข้ามพื้นที่จังหวัด เว้นแต่จะมีกรณีเหตุจำเป็นต้องแสดงเหตุผล และหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ รวมทั้งเข้ารับการาตรวจคัดกรอง ต้องปฏิบัติการป้องกันโรคตามราชการกำหนด ฉะนั้นสิ่งที่จะเป็นหลักฐานจึงมีความจำเป็นออกข้อกำหนดฉบับที่ 17 ออกมา ที่กล่าวถึงการยกระดับพื้นที่ พร้อมมีการใช้แอพพลิเคชัน “ หมอชนะ” ใช้คัดกรองผู้เดินทางและแสดงเหตุผลการเดินทาง
“เมื่อวานนี้มีความคลาดเคลื่อนทางการสื่อสาร วันนี้ก็จะสร้างความชัดเจน คือเรื่องของโทษในข้อที่ 4 ในฉบับที่ 17 คือ 1.ติดเชื้อ 2.ปกปิดข้อมูล หากมีผู้ติดเชื้อ แต่เราเห็นว่ามีหมอชนะอยู่ ก็สามารถเข้าไปค้นดูข้อมูลได้ ซึ่งก็ไม่เป็นความผิด แต่หากติดเชื้อมาแล้วแต่จงใจปิดข้อมูล ขอเปิดดูและไม่มีหมอชนะ แต่เจ้าหน้าที่เห็นว่าอยู่ในวิสัยที่ตนเองมีโทรศัพท์ เช่นนี้ก็เป็นอุปสรรคในการสอบสวนโรค อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ซึ่งเป็นความผิดใน พ.ร.บ.โรคติดต่อ” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ตนพยายามสื่อสาร อยากเชิญชวนทุกท่านเข้ามาโดยไม่ต้องบังคับ โดยวันนี้มียอดดาวโหลดแอพพลิเคชัน “ หมอชนะ” มากกว่า 2 ล้านครั้ง จึงอยากขอบคุณประชาชนที่เข้าใจและปฏิบัติตามในช่วงวิกฤตเช่นนี้ ทำไมถึงอยากให้ใช้หมอชนะ เพราะเกิดเหตุแต่ผู้ติดเชื้อไม่บอกข้อมูล ขณะที่หมอชนะช่วยเก็บข้อมูลการเดินทาง ช่วยหมอทำงาน ลดเวลาทำงาน และไม่โหลดไม่ผิด แต่จะเสียเวลาในการสอบสวนโรค แต่หากปกปิดข้อมูลและให้ข้อมูลเท็จก็จะมีความผิด
“ต้องขออภัย ขอโทษ ในเรื่องที่ตนได้สื่อสารไปในหลายเรื่อง สำหรับเรื่องของแอพพลิเคชันหมอชนะ เป็นเรื่องที่ต้องการความร่วมมือจากประชาชนอย่างมากในการปกป้องตนเองสังคม คนไทยทั้งหมดหรือรวมถึงคนที่อยู่ในประเทศไทยด้วย กรณีที่ผู้ป่วยปกปิดข้อมูล และพบว่าไม่มีหมอชนะ หรือจงใจไม่โหลด คนเหล่านี้ต้องได้รับการกำหนดโทษ แต่จะต้องประกอบด้วยหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่ว่าคนไทยต้องมีหมอชนะ ไม่มีถือว่าผิด
“ถ้าป่วยและปกปิดข้อมูล พบว่าไม่มีหมอชนะ เท่ากับว่าเราจะต้องใช้เวลาในการสอบสวนมากมาย ดังนั้นกฎหมายออกมาเพื่อคุ้มครองคนส่วนใหญ่ สิ่งต่างๆ ไม่ได้ต้องการให้ข่าวนี้สร้างความตระหนกตกใจหรือความรู้สึกบังคับ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว