เมื่อวันที่ 31 ต.ค.2567 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า
ถ้าไม่โง่ก็ขายชาติ
ข่าวเกี่ยวข้อง
เมื่อปีพ.ศ.2544 หลังจากมีการลงนามmou44 พวกคุณบอกว่า มีพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับเขมร ตอนนั้นผมก็เชื่อว่ามีพื้นที่ทับซ้อนจริง เพราะตอนนั้นผมยังโง่ ไม่มีเอกสารให้อ่านเท่าไร
ผ่านมา23ปี ในปี2567ผมได้อ่านเอกสารที่นักวิชาการ นักกฏหมายทางทะเล ได้เขียนวิเคราะห์ข้อเท็จจริง รวมทั้งได้อ่านmou44 ฉบับจริง ผมพูดได้เต็มปากผมไม่โง่ แต่พวกคุณต่างหากที่……
ที่พวกคุณไปยอมรับเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีป(เส้นแบ่งเขตทางทะเล) ของเขมร ที่มีการกำหนดแบบตามใจชอบ ไม่มีหลักกฏหมายระหว่างประเทศยอมรับ การที่พวกคุณไปยอมรับเส้นแบ่งเขตที่เขมรเนรมิตขึ้นมา มันจึงเกิดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล
ถ้าพวกคุณไม่ยอมรับเส้นแบ่งเขตของเขมร พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปของไทย มีหลักเกณฑ์ ที่มาที่ไปชัดเจน มีกฏหมายทางทะเลยอมรับ
ที่เลวร้ายเหมือนกับร่วมกันหลอกคนไทย ให้คนไทยตายใจว่า จะไม่เสียเกาะกูด เพราะเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปของเขมรที่ลากผ่านเกาะกูดในปี2515 และออกไปทางอ่าวไทย แต่ในmou44 เส้นของเขมรกลับพิลึก เปลี่ยนแนวนิดหน่อย มาตีโค้งอ้อมเกาะกูด และออกไปทางอ่าวไทยเหมือนเดิม
ถ้าดูตามmou44 ดูเหมือนเขมรยอม ไม่รวมเอาเกาะกูดเข้าไปด้วย แต่ปล่อยให้เขมรเอาไหล่ทวีปของเกาะกูด ไปเป็นของเขมร คุณยอมได้อย่างไร ดูคล้ายกับพวกคุณสมคบคิดร่วมกันหลอกคนไทยว่า เราไม่เสียเกาะกูด แต่โทษทีครับ ไหล่ทวีป200ไมล์ทะเล ของเกาะกูดตามสิทธิ์ ดันไปยอมรับว่าเป็นของเขมร ช่างย้อนแย้งจริงๆ
ยังไม่นับรวมว่า จะแบ่งผลประโยชน์กันท่าเดียว ในพื้นที่ทับซ้อน โดยไม่สนใจเขตแดนที่ถูกต้อง เพราะตามหลักแล้ว การที่คุณจะเจรจาผลประโยชน์ คุณควรเจรจาเขตแดนให้เรียบร้อย เพราะตามรูปแล้ว แนวโน้มพลังงานจะอยู่ในฝั่งไทยมากกว่า
ถ้าคุณยังดื้อดึงเดินหน้าตามmou44 จะมีความเสี่ยงเสียดินแดนไหล่ทวีปของเกาะกูด รวมทั้งพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลส่วนล่างให้กับเขมร ดีไม่ดีอาจจะลามไปถึงพื้นที่เกาะกูดด้วย ซึ่งปัญหาทั้งหมดเริ่มจากการที่ไปยอมรับ เส้นที่เขมรลากขึ้นมาแบบตามใจชอบ เลยไม่รู้ใครกันแน่ที่โง่ หรือถ้าไม่โง่ก็ขายชาติ เรามีบทเรียนการเสียเขาพระวิหารมาแล้วนะครับ