29ก.ค.2565- ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เรื่อง Recession – เศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ !!! มีเนื้หาดังนี้
ขณะนี้ ที่สหรัฐกำลังถกเถียงกันอย่างดุเดือด
ตกลงว่า การที่ GDP Q2 ของสหรัฐออกมาติดลบ -0.9% !!!!
ต่ำเกินความคาดหมายของตลาด ซึ่งเคยอยู่ที่ 2-3% เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม และล่าสุดลดมาอยู่ที่ 0.4-0.5% ก่อนประกาศตัวเลข นั้น
เราต้องกังวลใจแค่ไหน ต้องกังวลหรือไม่
เพราะข้างหนึ่ง บอกว่าเป็น Technical Recession แล้ว เนื่องจากติดลบต่อกัน 2 ไตรมาส
ส่วนอีกข้าง นำด้วยคณะที่ปรึกษาเศรษฐกิจของท่านประธานาธิบดีไบเดน และท่านประธานเฟด บอกว่า “ยังไม่ถดถอย” เพราะคำจำกัดความจริงๆ ของเศรษฐกิจถดถอย ก็คือ ต้องแย่ไปหมดเกือบทุกอย่าง อย่างต่อเนื่อง (ฺSignificant decline in economic activity that is spread across the economy and that lasts more than a few months.)
ขณะนี้ ตลาดแรงงานสหรัฐยังทำงานได้ดี มีการสร้างงานใหม่ ซึ่งถ้าตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งขนาดนี้ ก็ต้องบอกว่า ไม่น่าจะเป็น Recession
สองค่ายนี้กำลังถกเถึยงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ส่วนตลาดหุ้นก็ดีใจ เพราะถ้ามี Recession เฟดก็คงไม่ขึ้นดอกเบี้ย
ตีความว่า “ข่าวร้ายของเศรษฐกิจ คือ ข่าวดีของเรา”
Bad news is good news !!!
โดยเมื่อวานนี้
Dow Jones +332 จุด หรือ 1%
Nasdaq +130 จุด หรือ 1%
Bitcoin +1000 จุด หรือ 4.6%
แล้วตกลงว่าเราควรเชื่อใคร ควรกังวลใจหรือไม่ ?
ในประเด็นนี้ ต้องบอกว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะไปเถียงเรื่องคำจำกัดความ
จุดสำคัญอยู่ที่
(1) เศรษฐกิจสหรัฐแผ่วลงมาก
จากที่เคยขยายตัวได้ 5.7% เมื่อปีที่แล้ว และขยายตัวได้ 6.9% เมื่อไตรมาสสุดท้ายของปี 2022 แข็งแกร่งสุดๆ
ตอนนี้ ติดลบมา 2 ไตรมาสแล้ว
เรียกได้ว่า เป็นหนังคนละม้วน กับเมื่อปีที่แล้ว
เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็น ระฆังเตือนภัย
เพราะเศรษฐกิจที่ดี ไม่มีปัญหา จะไม่ทำตัวแบบนี้
ป่วยการจะไปเลี่ยงบาลี ไปมา บอกว่ายังไม่เข้าคำจำกัดความ
เพราะต้องยอมรับความจริงว่า
ตอนนี้ ความเชื่อมั่นหาย ความกังวลใจเต็มไปหมด
(2) เศรษฐกิจสหรัฐจะอ่อนแออย่างนี้ต่อไป ในไตรมาสข้างหน้า
เพราะคนไม่ใช้จ่าย ธุรกิจไม่ลงทุน !!!
หากเราไปดูไส้ในของข้อมูล GDP ที่ออกมา -0.9% จะพบว่า
– การบริโภคสินค้าต่างๆ -4.4% (ส่งผลให้ GDP -1.08%)
– หมวดสินค้าคงทน -2.6% จากความกังวลใจว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี Recession อยู่ข้างหน้า
คนจึงชะลอการใช้จ่ายในหมวดใหญ่ๆ เช่น รถ เครื่องใช้ในบ้าน อุปกรณ์ไฟฟ้า ออกไป
– หมวดสินค้าไม่คงทน -5.5% จากกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มนอกบ้าน
– การลงทุนภาคเอกชน -13.5% (ส่งผลให้ GDP -2.73%)
– หมวดก่อสร้างในโรงงานอาคารต่างๆ -11.7% จากการชะลอการลงทุนของเอกชนเพื่อรับกับเศรษฐกิจที่กำลังชะลอลง
– หมวดอุปกรณ์เครื่องจักรต่างๆ -2.7% ที่เริ่มสั่งซื้อลดลง เพราะช่วงต่อไปไม่ต้องขยายกำลังผลิตและกิจการ
– หมวดการสร้างบ้าน -14.0% สอดรับกับการปรับตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์สหรัฐ ที่กำลังเข้าสู่ช่วงขาลง
– หมวดสินค้าคงคลัง ที่เป็นผลมาจากการลดลงของยอดการขายสินค้าต่างๆ รวมถึงยานยนต์
ทั้งหมดนี้ ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐติดลบในไตรมาสสอง
ทั้งๆ ที่ ภาคส่งออกสหรัฐขยายตัวดีเป็นพิเศษ +18.0% (ส่งผลให้ GDP +1.92%)
หากลองคิดดู ที่น่ากังวลใจจริงๆ คือ ตัวเลขหมวดเหล่านี้จะยังอ่อนแอต่อไป
เพราะคนจะยังไม่ใช้จ่าย ธุรกิจจะยังไม่ลงทุน ไปอีกระยะ ในช่วงขาลง
ซึ่งเมื่อ Global Recessions ส่งผลต่อภาคส่งออกสหรัฐ ความอ่อนแอของสหรัฐก็จะยิ่งเด่นชัดขึ้น
(3) สหรัฐคงจะเข้าสู่ภาวะ Recession ในที่สุด
ไม่วันนี้ ก็วันหน้า
เป็นเพียงแค่เวลาเท่านั้น
ที่กล่าวเช่นนี้ ก็เพราะ เฟดกำลังขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสู้สงครามกับเงินเฟ้อ
โดยดอกเบี้ยยังจะขึ้นไปอีกมาก เพื่อสยบเงินเฟ้อที่สูงลิ่วที่ 9.1%
เมื่อดอกเบี้ยขึ้นสูง การซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อของใช้ การลงทุนเอกชนต่างๆ ก็จะลดลงเป็นเงาตามตัว
ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐอ่อนตัวลงมากกว่านี้
คนตกงาน
บริษัทปิดกิจการ
เป็นเรื่องที่เฟดบอกว่า “จำเป็น” เพื่อจัดการเงินเฟ้อ
สุดท้าย เศรษฐกิจก็จะเข้าสู่ภาวะถดถอย แบบที่ไม่ต้องมาถกเถียงกันว่า ตรงกับคำจำกัดความแล้วหรือยัง
พูดได้ว่า ป่วยการที่จะมาเถียงกันแบบเด็กๆ เรื่องคำจำกัดความ
มารับความจริงกันว่า “ขาลงกำลังมา”
เร่งเตรียมการรองรับในเวลาที่เหลืออยู่ น่าจะเป็นประโยชน์กว่า
เพราะถ้าเราใช้เวลาที่เหลือ เตรียมการให้ดี เราก็จะผ่านไปได้ ครับ
#ท่องเศรษฐกิจกับดรกอบ #Recession