10 ก.ค. 2565 – ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ว่า ไทม์ไลน์ในการอภิปรายรัฐมนตรีทั้ง 11 คน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบไปด้วย 1. กลุ่ม 3 ป. ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย 2.กลุ่มแกนนำของพรรคร่วมรัฐบาล ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ 3.กลุ่มรัฐมนตรีของแต่ละพรรค ได้แก่ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า การจัดสรรเวลาอภิปรายนั้น คณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร เรียกประชุมวิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วย วิปฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้กำหนดวันอภิปรายทั้งหมด 4 วัน เริ่มวันที่ 19-21 ก.ค. เวลา 8.30 – 00.30 น. และวันสุดท้าย 22 ก.ค. เวลา 8.30 – 23.30 น. ลงมติวันที่ 23 ก.ค. เวลา 10.00 น. โดยการจัดสรรเวลาของแต่ละฝ่ายรวมทั้งหมด 63 ชั่วโมง แบ่งเป็น พรรคร่วมฝ่ายค้าน 45 ชั่วโมง ที่เหลือก็เป็นของประธานสภาฯ ครม. และพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ การอภิปรายครั้งนี้จากพิเศษกว่าทุกครั้ง ซึ่งส.ส.ฝ่ายค้านที่สามารถลุกขึ้นอภิปรายรัฐมนตรีได้มากกว่าหนึ่งคน เพราะที่ผ่านมาสามารถใช้สิทธิ์ลุกขึ้นอภิปรายรัฐมนตรีได้เพียงหนึ่งคน เช่น หากอภิปรายนายกฯแล้ว สามารถอภิปรายรัฐมนตรีคนอื่นได้อีกหนึ่งคน รวมทั้งหากมีฝ่ายใดลุกขึ้นประท้วงก็ให้หักเวลาในฝ่ายนั้นๆ
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจวันแรก ในวันที่ 19 ก.ค. มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เริ่มต้นด้วยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดญัตติการอภิปรายฯ ส่วนความพร้อมของพรรคเพื่อไทย ในการอภิปรายนั้น พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีความพร้อมมาก มั่นใจว่าการอภิปรายครั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ไม่ได้แน่นอน เพราะการบริหารของพล.อ.ประยุทธ์ ทำให้เกิดความเสียหายทุกอย่างผิดพลาดอย่างร้ายแรง และศรัทธาของพล.อ.ประยุทธ์ ก็หมดแล้ว