7 ก.ย.2565 – ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แถลงเรียกร้องให้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ออกมาชี้แจงกรณีที่มีเอกสารชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญให้นับวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 6 เม.ย. 2560 ว่าเอกสารเป็นเอกสารจริงหรือปลอม หากเป็นเอกสารจริงตนจะไปแจ้งความต่อกองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีกับนายมีชัย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 เพราะถือว่านายมีชัยพูดความเท็จ เนื่องจากการชี้แจงไม่ตรงกับรายงานของกรธ. แต่หากนายมีชัยยืนยันว่าเอกสารที่หลุดออกมาไม่เป็นความจริง ตนก็จะไม่ดำเนินการอะไร แต่หากรู้ว่าจะมีความผิดขอให้รีบทำหนังสือไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อดึงหนังสือนี้กลับมาแล้วเปลี่ยนรายงานใหม่ ให้เป็นการรายงานตามข้อเท็จจริง
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่าในประเทศไทยมีนักกฎหมายที่เก่งๆ อยู่ 2-3 คน และคนที่ร่างรัฐธรรมนูญเก่งที่สุดคือนายมีชัย ที่รับใช้เผด็จการมาทั้งชีวิตจนถึงอายุ 84 ปี ถ้านักกฎหมายที่เป็นเสาหลักของบ้านเมืองพูดจากลับไปกลับมาจะทำให้คนที่เรียนนิติศาสตร์ เรียนกฎหมายจับหลักอะไรไม่ได้เลย หากเป็นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไม่มีความผิด เพราะนายวิษณุไม่ได้เป็นกรธ. ส่วนท่านแก้ต่างให้พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2562 ก็ว่ากันไป เพราะท่านเป็นคนแก้ต่างให้จำเลย จึงไม่สามารถดำเนินคดีอะไรกับนายวิษณุได้ เพราะนายวิษณุก็ต้องทำให้พล.อ.ประยุทธ์รอดจากการดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีให้ได้ โดยไม่สนใจเหตุผลและอะไรทั้งสิ้น สนใจเฉพาะตัวเองเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายมงคลกิตติ์แถลงข่าวได้มีการสั่นกระดิ่ง โดยอ้างว่า“เคาะเรียกสตินายมีชัย ไม่ได้เรียกสตางค์ให้ท่าน เพราะท่านเคยดำรงตำแหน่งที่สำคัญในประเทศไทยมาหลายอย่างแล้ว อย่าให้ลูกหลานของท่านต้องจดจำในสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่ทำประโยชน์ให้บ้านเมือง ซึ่งคนอายุ 84 ปีแล้วไม่ได้บอกว่าจะอยู่นาน คนอายุเท่านี้นับเดือนอยู่ ฉะนั้น อยู่ให้ลูกหลานจดจำในสิ่งที่ดี อย่าอยู่ให้ลูกหลานสาปแช่งหลังจากที่ตายไปแล้ว บ้านเมืองจะมีหลักหรือไม่มีหลักอยู่ที่กฎหมาย ผู้นำคนใดก็ตามที่นักกฎหมายเป็นกุนซือแล้วให้ข้อคิดเห็นที่ไม่ตรงไปตรงมา พวกกุนซือพวกนี้เขาให้เอาไปตัดหัว อยู่กับใครก็สร้างแต่ความชิปหาย”