ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #คกก.ปฏิรูปตร.เร่ง! ยกเครื่องโรงพัก1,400แห่งทั่วประเทศ หวังยกระดับการทำงานให้ทันสมัย

#คกก.ปฏิรูปตร.เร่ง! ยกเครื่องโรงพัก1,400แห่งทั่วประเทศ หวังยกระดับการทำงานให้ทันสมัย

7 February 2018
507   0

คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ยกเครื่องโรงพัก 1,400 แห่งทั่วประเทศ หวังยกระดับการทำงานตำรวจให้ทันสมัย

Inn- นายมานิจ สุขสมจิตร ประธานอนุกรรมการด้านสื่อสารกับสังคม ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ได้พิจารณาประเด็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับสถานีตำรวจ 1,400 สถานีทั่วประเทศ หรือเรียกว่าการยกเครื่องโรงพัก ใน 3 ระดับ คือ ระดับ S ให้มีตำรวจจำนวน 50-70 นาย ระดับ M จำนวน 100-120 และระดับ L 180-220 นาย โดยมีเหตุผล 5 ประการคือ

1.เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าทุกโรงพักมีทรัพยากรเพียงพอ

2. เพื่อให้การปฏิบัติงานในระดับสถานีตำรวจมีความเป็นมืออาชีพ อย่างมีมาตรฐาน

3.มีระดับควบคุมภายใน โดยผ่านกลไกจเรตำรวจที่ได้รับการออกแบบใหม่

4.เพื่อสามารถทำงานเป็นเครือข่ายและเปิดให้ภาคส่วนต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานของตำรวจ ตามแนวทางประชารัฐ โดยเฉพาะการสมคบทรัพยากร

และ 5. สามารถวัดผลงาน ผลสัมฤทธิ์ได้อย่างเปิดเผย โปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล

ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ต่อการกระจายงบประมาณ การกระจายกำลังพลในการให้บริการประชาชน โดยไม่เป็นภาระแก่ตำรวจในการหาขอความอุปถัมภ์จากพ่อค้า ประชาชน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถลดระบบอุปถัมภ์ลงได้

นายมานิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นด้วยกับการยกเลิกคณะกรรมการตำรวจ (ก.ตร.) จะมีชุดใหม่คณะกรรมการชุดใหม่มาทดแทน ทั้งในระดับโรงพักและระดับจังหวัด ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ประชาชน หน่วยงานภาคเอกชน และหน่วยงานท้องถิ่นเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นไปตามโมเดลประชารัฐ ที่ให้ทุกภาคส่วนเข้ามีส่วนร่วม

ส่วนประเด็นที่ยังเห็นต่างๆ คือ หน่วยงานที่จะมากำหนดนโยบาย พัฒนางานไม่ควรตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่ โดยมอบหมายให้สำนักหน่วยงานยุทธศาสตร์ การตรวจตราปฏิบัติงานเป็นหน้าที่จเรตำรวจ และกรรมการอิสระรับเรื่องรองเรียนตำรวจ

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ คณะกรรมการฯ จะนำไปรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องในวันที่ 20 ก.พ. ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ จากนั้น นำข้อเสนอมาให้คณะกรรมการพิจารณาว่าจะแก้ไขหรือยืนยันตามเดิม ก่อนเสนอต่อรัฐบาล โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จได้ภายในเดือนมีนาคมนี้

สำนักข่าววิหคนิวส์