ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #คดีน้องชมพูยาว ! ดร.สุกิจ ชี้ เครื่องจับเท็จ เอาผิดคนร้ายไม่ได้

#คดีน้องชมพูยาว ! ดร.สุกิจ ชี้ เครื่องจับเท็จ เอาผิดคนร้ายไม่ได้

15 January 2021
535   0

 

เครื่องจับเท็จใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาล ไม่อาจใช้
เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า “ผู้ต้องหาที่ตกเป็นจำเลยกระทำผิด

ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม. นักวิชาการ ด้านกฏหมาย ได้โพสข้อความระบุว่า

น้องชมพู่ อายุ 3 ปี หายตัวปริศนา ตั้งแต่เช้าวันที่ 11 พ.ค.63 พบศพผู้ตายพบศพน้องชมพู่ อยู่ในสภาพเปลือยกายหลังจากผู้ตายหายตัวไปไม่กี่วัน นั้น

ผลจากการผ่าศพพิสูจน์โดยแผนกนิติเวช โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี สภาพศพไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย หรือการล่วงละเมิดทางเพศ และไม่ปรากฏสาเหตุการตาย

คดีมีประจักพยานเป็นเด็กให้การว่า เห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อสีส้มแขนยาว มีหมวกสีดำเหมือนคนตัดอ้อย ปิดหน้าไว้ อุ้มน้องชมพู่มุ่งหน้าไปทางไร่มัน แต่ที่เกิดเหตุเป็นป่า นั้น ย่อมเชื่อถือไม่ได้

แต่พ่อแม่ “น้องชมพู่” ให้ข่าวว่า มีเหตุสงสัยในตัว “ลุงพล” พบพิรุธหลายประเด็น ให้ข้อมูลไม่ตรงกัน มั่นใจ “น้องสะดิ้ง” ลูกสาวไม่โกหก เชื่อว่าลูกสาวไม่อยากให้คนร้ายรู้ว่ารับรู้หรือเห็นอะไร กลัวว่าลูกจะมีอันตราย.นั้น เป็นความเข้าใจของพ่อและแม่”น้องชมพูเอง” หากผู้ตายถูกทำให้ตายอย่างโหดร้ายก็ต้องมีร่องรอย”ในศพตัวผู้ตาย ก็ไม่ปรากฏสาเหตุการตายดังกล่าวนั้น คงเหลือประเด็นว่า”บุคคลต้องสงสัยเป็นผู้กระทำความผิด”มีมูลเหตุจูงใจ”อะไรที่ต้องกระทำความความผิด “อันนี้เป็นหัวใจสำคัญในการคลี่คลายคดี

ประธานชุมรมแห่งหนึ่งย่านพระประแดง สมุทรปราการได้”เกาะกระแส”ลงพิ้นที่ยืนยันว่ามีหลักฐานสำคัญ.ที่ไม่ปรากฎในสำนวนมาก่อน. ว่า ผู้ตายถูกทำร้ายด้วย”ก้านมะยม “ ถึงแก่ความตาย

. เป็นที่ฮือฮาในขณะนั้นว่า”วิศวะกร”จบการศึกษาวิทยาลัยเอกชนย่านบางแค รู้ได้อย่างไร ตำรวจชึ่งได้รับการอบรมมาตามหลักวิชาการยังไม่รู้เลย แพทย์ผู้เชียวชาญด้านนิติเวช ก็ยังไม่ทราบสาเหตุการตาย เพราะไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย

ตำรวจไม่ได้ให้ความสำคัญในประเด็นนี้เลย ทั้งนี้ก้านมะยมนั้นโดยสภาพไม่ใช่อาวุธ.ที่มีอนุภาพร้ายแรง ถึงขนาดที่จะทำให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งถึงแก่ความตายได้ จึงเป็นเพียงพยานบอกเล่า

ทั้งนี้ ประกอบกับท่านประธานชมรมแห่งนี้นั้น ไม่มีความรู้ในด้านการชันสูตรพลิกศพหรือเป็นเจ้าหน้าตามประมวลกฏหมายอาญา หรือเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ทำคดี”น้องชมพู่”

เพียงแต่อ้างว่า มีบัตรใหญ่กว่าผู้บัญชาการตำรวจภูธรณ์ 1 ถ้าเห็นแล้วตำรวจต้องสะดุ้ง เมื่อตนตกเป็นผู้ต้องหา ในคดีอื่น จึงได้หลุดปากว่า”ไหนบอกว่ามีอะไรมาบอก”ทำไมถึงทำแบบนี้” จึงเชื่ออย่างสนิทใจว่า “บัตรที่ว่าใหญ่นั้นคงหมดอายุ” ไม่ได้ใหญ่จริงเสียแล้ว

คดีมีปัญหาว่าตำรวจมีประจักษ์พยานเกี่ยวกับสาเหตุการตายของ”น้องขมพู่”หรือไม. การที่ตำรวจนำลุงพลกับป้าแต้นเข้าเครื่องจับเท็จนั้น น่าจะไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นคนร้ายที่กระทำผิด ถ้ามีประจักษ์พยานก็ไม่มีเหตุผลใดต้องเข้าเครื่องจับเท็จ.

ศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นแนวทางว่าเป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่นำผลการตอบคำถามของจำเลยมาวิเคราะห์ตามหลักวิชาการแล้วประเมินผลจากการวิเคราะห์นั้นว่าจำเลยพูดจริงหรือเท็จ นั้น

มีลักษณะเป็นเพียงความเห็นในทางวิชาการ ย่อมไม่อาจนำมาพิสูจน์ทราบถึงข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับการกระทำผิดของจำเลยเป็นที่แน่ชัดได้ ลำพังเครื่องจับเท็จและความเห็นของผู้ชำนาญด้านเครื่องจับเท็จยังไม่อาจรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตายตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 734/2553