เลื่อนอ่านฎีกาครั้งที่3 คดีพันธมิตรฯบุกเอ็นบีทีเมื่อปี 2551 เหตุยังมีจำเลยบางคนหลบหนี นัดอีกครั้งปลายก.พ.ปีหน้า
แนวหน้า – เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 22 ธ.ค.60 ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีพันธมิตรฯบุกเอ็นบีที หมายเลขดำ อ.4486/2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายธเนศร์ คำชุม กับพวก รวม 85 คน ซึ่งเป็นกลุ่มนักรบศรีวิชัย หรือกลุ่มการ์ดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) บุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ในช่วงการชุมนุมขับไล่รัฐบาลเมื่อปี 2551 เป็นจำเลยที่ 1-85 ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป กระทำความผิดฐานเป็นซ่องโจร , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
ร่วมกันไม่มีเหตุอันสมควรเข้าไปหรือซ่อนตัวในเคหะสถานหรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน , ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ , ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตฯโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธฯตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91, 92, 210, 215, 309, 358, 364, 365 และ 371 พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนฯ พ.ศ.2490, พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2545 และ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2535
กรณี เมื่อระหว่างวันที่ 22-26 ส.ค.51 จำเลย 85 คน ร่วมกันประชุมวางแผนนัดแนะระดมพลจากสะพานมัฆวานรังสรรค์และสถานที่อื่น แล้วร่วมกันบุกรุกอาคารสำนักงานสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 25-26 ส.ค.51 โดยพกพาอาวุธฯ ทำลายทรัพย์สินและบุกรุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ทรัพย์สินเสียหายกว่า 15 รายการ มูลค่ากว่า 6 แสนบาท อีกทั้งยังร่วมกันข่มขืนใจ ผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และพนักงานคนอื่นๆ ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ไม่ให้จัดรายการ และขับไล่ให้ออกจากสำนักงาน
วันนี้จำเลยที่ได้รับการประกันตัวคนละ 2 แสนบาท ระหว่างยื่นฎีกาสู้คดี เดินทางมาศาล
ส่วนนายมานิต อรรถรัฐ จำเลยที่ 42 ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารระบบความชั่วคราว เนื่องจากหลบหนีคดี
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลานัดปรากฎว่า นายวันชัย รักษายศ จำเลย 78 ไม่มาศาล ศาลจึงออกหมายจับนายวันชัย จำเลยที่ 78 ปรับนายประกันไว้ และเห็นควรให้เลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นวันที่ 21ก.พ. 61 เวลา 09.00 น. โดยกำชับให้จำเลยทุกคนเดินทางมาตามวันนัดด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ศาลได้เลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว เนื่องจาก ครั้งที่ผ่านมา มีจำเลยหลายคนหลบหนี และมีอาการป่วย
สำหรับบทลงโทษคดีนี้ ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 53 จำคุกจำเลยที่ 1 ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ. 2490 , พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และ ซ่องโจร รวมจำคุก 1 ปี 18 เดือน จำเลยที่ 2 ผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนฯและซ่องโจร จำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 500 บาท ส่วนจำเลยอื่นได้รับโทษตามความผิดฐานบุกรุก ,ซ่องโจรลดหลั่นกันได้แก่ จำเลยที่ 3 -29, 31-38, 40, 41, 43-46, 48-79 และ 82 จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน จำเลยที่ 39และ 80 จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน ปรับคนละ 500 บาท
ส่วนจำเลยที่ 30, 47 และ 81 จำคุกคนละ 12 เดือน จำเลยที่ 83 – 85 จำคุกคนละ 9 เดือน จำเลยที่ 24 จำคุก 1 ปี 12 เดือนไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 30, 47, 81, 83-85 เคยรับโทษมาก่อน ขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 30, 47 และ 81 อายุยังไม่เกิน 20 ปี จำเลยที่ 83-85 ยังเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ศาลเห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษจำเลยดังกล่าวไว้มีกำหนด 2 ปี ให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายในกำหนดเวลา 1 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 57 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 – 41, 43 – 85 มีความผิดฐานบุกรุกในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธและข่มขู่จะใช้กำลังประทุษร้าย จำคุกคนละ 1 ปี ส่วนจำเลยที่ 30, 47 และ 81 ขณะก่อเหตุอายุไม่เกิน 20 ปี จำคุกคนละ 8 เดือน และจำเลยที่ 83 – 85 ขณะเกิดเหตุอายุต่ำกว่า 18 ปี ให้จำคุกคนละ 6 เดือน ทั้งจำเลยที่ 1 ยังมีความผิดฐานพกพาอาวุธปืน ฯและมีเครื่องวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือน
จำเลยที่ 1 – 41 , 43-85 ให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 6 เดือน ยกเว้นจำเลยที่ 1 รวมโทษแล้วคงจำคุกไว้ 8 เดือน จำเลยที่ 30, 47 และ 81 ลดโทษหนึ่งในสามคงจำคุกคนละ 6 เดือน และจำเลยที่83 – 85 ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 3 เดือน โดยจำเลยที่ 30, 47, 81, 83-85 ขณะกระทำผิดเป็นเยาวชนจึงให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ยกฟ้อง ความผิดฐานซ่องโจร นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
สำนักข่าววิหคนิวส์