“ผบ.ตร.” ยกทีมแถลง คดีไอซ์ 1.5 ตัน ยัน ไม่พบตำรวจ “พ.ต.อ.-พล.ต.ท.”เกี่ยวข้อง
เปล่า ปกปิด ช่วยเหลือใคร
เราไม่ได้คิดว่าคนนี้จะพิเศษกว่าคนนี้
ชี้ “รองสุชาติ”เล่าให้ผมฟังตลอด
ถ้ามันจะเจออะไร มันก็ต้องเจอแล้ว
เผย ถ้ามีเอกสารหลักฐาน คงหลุดออกทางสื่อไปแล้ว
เผย เรื่องนี้บ่อนทำลายองค์กร
ยัน ไม่ได้ยุติคดี แต่ยังไม่มีหลักฐาน มีแต่การกล่าวหา
ชี้ อะไรที่มันเบลอ ที่ไม่ชัดเจน ก็ถูกหยิบไปเป็นประโยชน์ ถูกหยิบไปบ่อนทำลายความเชื่อถือ
.
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. พล.ต.ต.ดำรงค์ เพ็ชรพงศ์ รอง ผบช.ภ.6 พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รอง ผบก.สส.ภ.6 และ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองเลขาธิการ ป.ป.ส. แถลงผลการดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 6
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า เนื่องจากที่ผ่านมามีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการสืบสวนคดียาเสพติดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 6
และมีเอกสารราชการบางส่วนหลุดออกไปเผยแพร่ทางสื่อ ซึ่งเอกสารเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนสอบสวน
หากเทียบแล้วถือว่าเป็นจำนวนน้อย
กลายเป็นว่าข้อเท็จจริงบางส่วนที่หลุดออกไป แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นทั้งหมด
จึงเกิดการตั้งคำถามถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามกฎหมาย โปร่งใส มีการช่วยเหลือใครเป็นพิเศษ หรือไม่
สื่งเหล่านี้เป็นบ่อนทำลายความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเราต้องทำความจริงให้ปรากฎ เพราะหากประชาชนไม่เชื่อกระบวนการสืบสวนสอบสวน ความเสียหายจะตามมา และจะไม่มีใครยึดกฎกติกา
วันนี้จะเล่าในส่วนที่ไม่กระทบต่อรูปคดี เนื่องจากคดีมีทั้งตัดสินไปแล้ว และยังอยู่ในชั้นกระบวนการยุติธรรม
พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รอง ผบก.สส.ภ.6 อธิบายว่า. เส้นทางเครือข่ายยาเสพติดนี้ เริ่มต้นตั้งแต่ 2557-2563
โดยปี 2557 ตำรวจจับกุม นายฐปนันท์ ธรรมรัตน์ธาดา หรือ หนูเฉิน พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ ถูกออกหมายจับคดีฟอกเงินทั้งสิ้น 56 หมาย ระหว่างการดำเนินคดี นายฐปนันท์ หลบหนีประกันชั้นอุทธรณ์
ต่อมา 18 ตุลาคม 2562 ที่ด่านห้วยยะอุ จับกุมรถบรรทุก พร้อมไอซ์ 1.5 ตัน
วันดังกล่าวจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายสมโชค เนียมสกุล อายุ 38 ปี เป็นคนขับ และนายสกล การุณรักษ์ อายุ 34 ปี นั่งคู่มาข้างคนขับ โดยทั้งคู่ให้การซัดทอดไปถึงผู้เกี่ยวข้องในขบวนการอีก 8 ราย
โดยตำรวจได้ออกหมายจับไว้และตามจับกุมได้ 6 ราย มีผู้หลบหนี 2 ราย คือ นายเกิดชนะ มีนา และนายยงค์ วงศ์สว่างกุล
22 กรกฎาคม 2563 บช.ปส. และ ป.ป.ส. ขยายผลจับกุมและยึดทรัพย์เจ้าของอู่ต่อรถบรรทุกที่ใช้ขนถ่ายยาเสพติดในคไอซ์ 1.5 ตัน แต่แยกดำเนินคดีอีกสำนวน
กระทั่ง 23 ตุลาคม 2563 ตำรวจสามารถตามจับกุมนายเกิดชนะ ได้ ดำเนินการสอบปากคำ และส่งตัวให้อัยการ
จุดนี้นายเกิดชนะ ให้การพาดพิงถึงพลเรือน 4 ราย และข้าราชการ 4 ราย ทีมสืบสวนจึงนำข้อมูลทั้งหมดประกอบสำนวน
นอกจากนี้ยังพบข้อเท็จจริงบางอย่าง จนขยายผลดำเนินคดี น.ส.หลิน-ชาล์ คนจัดการเงิน และนายฐปนันท์ พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่หลบหนีประกันชั้นอุทธรณ์เมื่อปี 2557
จึงแยกดำเนินคดีอีกสำนวน ในข้อหาสมคบ (ม.8 วรรคแรก) และจับกุม น.ส.หลิน-ชาล์ ได้เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2563 พร้อมอายัดเงินสดได้กว่า 200 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในส่วนอื่นๆ หากมีพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก็จะขยายผลต่อไป
พ.ต.อ.สราวุธ กล่าวอีกว่า สำหรับการจับกุมนายสมโชค และนายสกล พร้อมพวกอีก 6 ราย ในคดีไอซ์ 1.5 ตัน ศาลตัดสินเมื่อ 24 กันยายน 2563 ผลตัดสินมีทั้งจำคุกตลอดชีวิต จำคุก 33 ปี และยกฟ้อง 3 ราย
ส่วนกรณีการจับกุมเจ้าของอู่ต่อรถ สำนวนอยู่ในชั้นพนักงานอัยการ คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาล
และกรณีการจับกุม น.ส.หลิน-ชาล์ พนักงานสอบสวน สภ.แม่สอด ได้ส่งสำนวนให้อัยการเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2564
ด้าน พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามยาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทำงานร่วมกับผู้บัญชาการยาเสพติดและทีมงาน
หลังได้รับสั่งการจาก ผบ.ตร. ก็ลงไปดูภาพรวมคดี ตั้งแต่การจับกุมเมื่อปลายปี 2562 พบว่าการดำเนินการของตำรวจภูธรภาค 6 ได้ดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายทุกประการ
ส่วนการที่นายเกิดชนะ ให้การซัดทอด ถ้ามีความเชื่อมโยงหรือการสืบสวนไปถึงใคร เราก็ดำเนินการตาม พ.ร.บ.สมคบ ตามที่ภูธรภาค6 ชี้แจงไปแล้ว ส่วนที่เหลือยังไม่พบความเชื่อมโยงกับผู้อื่นแต่อย่างใด
พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. กล่าวว่า ตนได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.มนู ให้สืบค้นความเชื่อมโยงของผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี ทั้งพลเรือน และข้าราชการ ที่ถูกระบุในสำนวนการสอบสวน พบบางส่วนที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง โดยตนได้รายงานให้ พล.ต.อ.มนู ทราบทั้งหมดแล้ว
ด้าน พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า กรณีการสืบสวนเครือข่ายนายฐปนันท์ ทางสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมสืบสวนขยายผลกับตำรวจ รายละเอียดมีบันทึกไว้ในเอกสาร
ทั้งนี้นายฐปนันท์ เป็นเป้าหมายการสืบสวนของ ป.ป.ส. มาตั้งแต่ ปี 2552 เขามีพฤติการณ์ครอบครองยาบ้า 2.6 หมื่นเม็ด และอาวุธปืน เขาสู้คดียาเสพติดหลุด แต่โดนจำคุก 1 ปี ครอบครองอาวุธปืน เมื่อเข้าไปในเรือนจำได้ไปสร้างเครือข่ายพอ่ค้ายาเสพติดรายสำคัญหลายคน หลังพ้นคุกมา 2553 ก็โลดแล่นอยู่ในวงการ
ในเรื่องนี้ทาง ป.ป.ส. ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ขยายผลจากภูธรภาค 6 นำเสนอ และคงไม่ยอมละเว้นใครคนใดคนหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ทั้งหมดต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูลพยานหลักฐานที่สามารถฟ้องเอาผิดได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากการตรวจสอบบุคคลที่ถูกพาดพิง มีข้าราชการตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ พ.ต.อ.สราวุธ กล่าวว่า คนแรกที่มีการพูดถึงเป็นพลเรือน ชื่อนายยง หรือหวัง วงศ์สว่างกุล ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดีไอซ์ 1.5 ตัน ได้หลบหนีไปยังติดตามจับกุมตัวไม่ได้
คนที่สองเป็นข้าราชการ พ.อ.ยศพล สิทธิกรรณ ถูกออกหมายจับในคดีสมคบฯ ที่นิคมเขาบัวแก้ว จ.นครสวรรค์ หลังจากเป็นข่าวมีการไล่ล่าตัวจนกระทั้งสามารถจับกุมตัวได้หลังจากสอบปากคำ นายเกิดชนะ ลำดับต่อมาในคำให้การถึงน.ส.เฟื่องฟ้า เป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในหมู่บ้านแต่ไม่มีหลักฐานสิ่งบ่งชี้ที่เพียงพอจะออกหมายจับได้ เรารู้เพียงว่าน.ส.เฟื่องฟ้าถูกกล่าวอ้างถึงแต่ยังไม่มีหลักฐาน
“ส่วนตำรวจทั้ง 3 คนที่ถูกกล่าวถึงในฐานข้อมูลมีการตรวจสอบเยอะมาก ในชั้นนี้ ยังไม่พบหลักฐาน ที่พนักงานสอบสวนจะสามารถนำไปสู่การขออนุมัติในคดีสมคบต่อเลขาธิการป.ป.ส.ได้ จึงเป็นเพียงข้อมูลในการสืบสวนได้เท่านั้นเอง”
เมื่อถามต่อว่าขยายความคำว่าไม่มีหลักฐานขอออกหมายจับตำรวจที่ถูกซัดทอด พ.ต.อ.สราวุธ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงในคดี มีแค่คำกล่าวอ้างแบบอย่างนั้น ในส่วนที่ตนดำเนินคดีได้ในส่วนคดีของหลิน-ชาล์กับนายฐปนันท์ ไม่ได้ออกหมายจับในคดี 1.5 ตัน แต่ตนเอาหลักฐานจากสิ่งที่มีแล้วมาเปิดเป็นคดีใหม่ เป็นยาเสพติดคนละล็อต
ฉะนั้นแล้วรายละเอียดในคดีอยู่ในชั้นของอัยการ ชี้แจงได้เพียงว่ากรณีของหลิน-ชาล์ กับนายฐปนันท์ ที่ขยายมาจากคำให้การของนายเกิดชนะ เป็นคดียาเสพติดที่ไม่ใช่ 1.5 ตัน แต่เป็นคดียาเสพติดที่มีหลักฐานอื่นบ่งชี้เลยว่าเกี่ยวข้องกัน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ได้มีการเรียกตำรวจที่ถูกพาดพิงไปสอบปากคำหรือไม่ พ.ต.อ.สราวุธ กล่าวว่า ยังไม่มีหลักฐาน ตนว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกเข้ามาให้การ
เมื่อถามถึงหลิน-ชาล์ ที่เป็นตัวเชื่อมให้นายฐปนันท์ ไปพบเจ้าหน้าที่เพื่อจ่ายค่าดำเนินการต่างๆ มีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พ.ต.อ.สราวุธ กล่าวว่า หลักฐานในส่วนนี้ยังไม่มี พยายามหาแล้วแต่ไม่พบเลย
ทั้งนี้ได้สอบปากคำหลิน-ชาล์เพิ่มเติม ซึ่งให้การรับในส่วนที่ฟอกเงินเท่านั้น จากการตรวจสอบเอกสารทั้งหมดพบว่าหลิน-ชาล์ มีสิ่งบ่งชี้ว่าทำธุรกิจจริงๆ เฉพาะปี 2563 แค่ 500 ล้านบาท แต่จริงแล้วมีเงินวิ่งออกไปที่พม่ากว่า 2,000 ล้านบาท
ฉะนั้นตัวเลขที่เขย่งกันอยู่อีกพันกว่าล้านมันคืออะไร ซึ่งหลิน-ชาล์จะต้องให้รายละเอียดและข้อมูล
“ทั้งนี้บัญชีการเงินไม่พบว่ามีการโยงไปถึงเจ้าหน้าที่รายใด โดยได้ตรวจสอบบัญชีของหลิน-ชาล์ บัญชีบริษัทซีเปีย บัญชีบริษัทซันเดย์ ซึ่งหลิน-ชาล์เป็นผู้ดำเนินการอยู่ ตั้งแต่ปี 2562-2563 ไม่พบว่าไปแตะถึงบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างถึงแต่อย่างใด”
ส่วนประเด็นที่ถูกซัดทอดว่าไปพบกันที่เมียวดีคอมเพล็กซ์ พ.ต.อ.สราวุธ กล่าวว่า ที่บอกว่าไปพบกันที่เมียวดีคอมเพล็กซ์ เป็นคำพูดของคนที่เราได้ข้อมูลกลับมา เราก็ต้องหาหลักฐาน เหตุที่เกิดขึ้นประมาณปลายปี 2562 ซึ่งพยายามหาพยานหลักฐานแล้ว แต่มีสิ่งบ่งชี้แค่นี้จริงๆ ซึ่งเป็นเพียงคำซัดทอดชี้แจงของผู้ต้องหาว่าไปอยู่ที่นั้นไปเจอไปตกลงไปพูดคุย ซึ่งตนต้องหาหลักฐานในช่วงปี 2562 แต่ตนพยายามหาแล้วแต่ไม่พบจริงๆ โดยที่พูดไว้เพียงครั้งเดียว
เมื่อถามต่อว่าประเด็นตำรวจที่ถูกพาดพิงถึงขณะนี้สืบสวนจนสิ้นข้อสงสัยแล้วใช่หรือไม่ พ.ต.อ.สราวุธ กล่าวว่า ในส่วนการสืบสวนยังไม่จบอยู่แล้ว ตนยังคงต้องทำต่อ ไม่ใช่เฉพาะประเด็นที่ถูกกล่าวอ้าง นอกเหนือที่ถูกกล่าวอ้างก็ยังทำอยู่
พล.ต.อ.สุวัฒน์ ผบ.ตร.กล่าวเพิ่มเติมว่า เอกสารที่หลุดไปคือชิ้นเดียว ตนว่าท่านมีในมืออยู่แล้ว ลองอ่านดูที่กล่าวถึงพล.ต.ท.เขาเขียนว่าอย่างไร เขาถามว่ารูปที่พนักงานสอบสวนให้ดูท่านเคยเห็นไหม เขาก็บอกว่าไปเห็นมาที่เมียวดี แต่ไม่ได้พูดต่อว่ามาทำอะไร มาหาใคร เจอใคร อะไรอย่างไร ไม่มีเลย มีแค่นี้ สมมติว่าเราจับใครมา แล้วเขาบอกว่าคนนี้มาไถเงิน แล้วไม่ให้ เราจะจับตำรวจมาสอบไหม จะต้องดูอย่างนี้ด้วย
เพราะฉะนั้นการที่จะฟังอะไร เราต้องชั่งน้ำหนักว่าวันเวลาที่พูดเมื่อไหร่ ก็ไม่ได้มีระบุ เจ้าหน้าที่ก็ต้องทำไปตามข้อเท็จจริงที่พูดถึง
ทางตำรวจภูธรภาค 6 ก็ได้ดำเนินการไปไม่จบแค่นี้ ของศูนย์ปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจยาเสพติดก็ทำ
“ทีมงาน พล.ต.อ.สุชาติ ก็ทำทั้งหมด อย่างรองสุชาติ มีอะไรก็จะมาเล่าให้ผมฟัง และท่านก็ทำมาตลอด ถ้ามันจะเจออะไรมันก็ต้องเจอ อะไรที่ควรทำก็ทำไปแล้ว แต่ถามว่าจะยุติแค่นี้ไหม ก็ไม่ใช่ เพราะยังมีงานที่ยังไม่เสร็จ การสืบสวนเส้นทางการเงินเท่าที่เห็น
เอาอย่างนี้ดีกว่าการสืบสวนไปถึงสงสัยคนไหน เขาก็เอามาดู แต่ว่าไปถึงไหน ถ้ามันเจอมันเจอแล้ว ณ วันนี้ เพื่อให้สังคมสบายใจ เราก็ไม่ได้หยุด ถ้ามีพยานหลักฐานเพิ่มเติมดำเนินคดีได้
เราก็ทำไม่ว่าจะเป็นใครทั้งนั้น
“ที่ทางพ.ต.อ.สราวุธ กล่าวถึง เงิน 2,000 กว่าล้านบาทก็จะต้องมาไล่ดูว่าไปถึงใครอีก เบื้องต้นยังไม่เจอชนกับใครโดยเฉพาะคนที่ถูกพาดพิง คือถ้ามันมีพยานหลักฐานขนาดเอกสารยังรั่วมาได้ แล้วถ้ามันมีมันจะไม่รั่วหรือ ถ้ามีก็ต้องออกสื่อแล้ว
ผมถามlogic ง่ายๆ ถ้ามีก็ต้องออกสื่อแล้วจะไปอยู่ตรงไหน ปัญหาคือมีหรือไม่ ทำอะไรก็ต้องชั่งน้ำหนัก เราไม่ได้คิดว่าคนนี้จะพิเศษกว่าคนนี้ มันไม่ใช่อย่างนั้น แต่อะไรที่มันเบลอ ที่ไม่ชัดเจนก็ถูกหยิบไปเป็นประโยชน์ ถูกหยิบไปบ่อนทำลายความเชื่อถือ
สิ่งที่อันตรายคือเรื่องนี้ เรื่องการบ่อนทำลาย ทำลายองค์กร ไม่ได้ทำลายคนก็ได้ ผมเรียนว่าจะผิดจะถูกไม่มีใครช่วยใครได้ ถ้าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีใครช่วยใครได้ ไม่มีใครมาปิดอะไร ไม่มีใครปิดเรื่องแบบนี้ ไม่มีทาง ท่านรู้ดีท่านเป็นสื่อ ถ้ามีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวพัน. ท่านได้ก่อนพวกผมอีก เพราะบางเรื่องผมยังรู้หลังท่านเลย” พล.ต.อ.สุวัฒน์ ระบุ