22 ส.ค.63 – ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงสาเหตุที่นักเรียนม.ต้น ม.ปลายออกมาประท้วงรัฐบาล มีเนื้อหาดังนี้ มีคนให้วิเคราะห์สถานการณ์ในประเทศไทยว่ามีถึงจุดนี้ได้อย่างไร? ใครติดตามอ่านเพจผมมาตลอด จะวิเคราะห์ได้ไม่ยากว่ารัฐบาลหรือ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ของรัฐบาลอ่อนหัดในเรื่องสงครามพันทาง เป็นไก่อ่อนที่ไม่ประสีประสาในเรื่องสงครามไซเบอร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามพันทางในยุคนี้เลย แม้ว่าผมจะเขียนให้ความรู้มาหลายปีก็ตาม
ผมเขียนข่าวต่างประเทศให้อ่านทุกวันก็เพื่อให้มีสติในการเตรียมการปัญหานี้แหละครับ แต่สมช.ของรัฐบาลกลับกลายเป็นจวักไม่รู้จักรสแกงไปได้ ผมมีข้อแนะนำสมช. 2 อย่างครับ
1.ถ้าศึกษาและติดตามอ่านข่าวหน่วยงาน NGOs ซึ่งเข้าไปในหมู่บ้านทั้งหลายในอิรัก ลิเบีย ซีเรียและเยเมนดูจะเห็นว่าหน่วยงาน NGOs เข้าไปถึงหมู่บ้านไหน หมู่บ้านนั้นก็จะพากันจัดตั้งกลุ่มบุคคลขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล แทบจะทุกที่
ขอให้สมช.ตรวจสอบว่า ก.นักเรียนม.ต้นม.ปลายเหล่านี้มาจากโรงเรียนไหน ข.มีหน่วยงาน NGOs ขออนุญาตเข้าไปจัดกิจกรรมในโรงเรียน ผ่านรมว.กระทรวงฯ หรือไม่ ค.เครือข่าย NGOs เหล่านี้เข้าไปจัดกิจกรรมอะไร เป็นกิจกรรมเรื่องสิทธิมนุษยชนใช่หรือไม่ ตรวจสอบให้ละเอียดเสียครับ
ผมตั้งสมมติฐานว่า NGOs คือผู้นำเด็กนักเรียนจำนวนมาก (แม้จะไม่ทั้งหมด) ออกมาประท้วง ส่วนนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยนั้น มีการสัมมนากับนักวิชาการสายล้มเจ้าหรือสายลิดรอนพระราชอำนาจอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว กลุ่ม NGOs จึงไม่ต้องเข้าไปหา
2.นักเรียนนักศึกษาทุกวันนี้ อยู่กับ FB Instagram และ Twitter จึงง่ายต่อการถูกล้างสมองด้วยข้อมูลเท็จ บิดเบือนและใส่ร้ายป้ายสี สิ่งใดเป็นข้อมูลจริงก็นำตกแต่งให้ภาพลักษณ์ดูน่าเกลียดน่ากลัวมากขึ้นอีกได้ นี่คือการทำสงครามไซเบอร์ซึ่งใช้ข้อมูลเป็นอาวุธ และเป็นส่วนหนึ่งของสงครามพันทาง
ในการทำสงครามพันทางผ่านไซเบอร์นั้น เครือข่ายที่จ้องทำลายประเทศคนเดียว สามารถสร้างบัญชีหลายบัญชี ผ่าน FB Instagram และ Twitter หลายๆ คนอาจเป็นนักวิชาการ อาจเป็น NGOs อาจเป็นนักกิจกรรมทางการเมือง
จากนั้น ก็เขียนข้อมูลโจมตีรัฐบาลหรือสถาบันผ่านกลุ่มต่างๆ ใน FB Instagram และ Twitter คนเหล่านี้ซึ่งมีอยู่จำนวนมากจะเขียนชมกันเอง ด่าฝ่ายตรงข้าม ช่วยแชร์้อมูลเท็จไปยังกลุ่มต่างๆ ให้ครบทั่วกลุ่มชุมชน ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก พวกเขาทำอย่างต่อเนื่องมานาน ก่อนที่ผลจะลงเอยแบบนี้
เมื่อสมช.รู้ไม่ทัน รัฐบาลจึงตกเป็นฝ่ายตั้งรับและถูกเขาเจาะเข้ามาทำลายภายในประเทศได้ง่าย ผมเตือนให้รู้พิษสงของ NGOs มาโดยตลอดก็เพราะว่า ‘สงครามพันทางแท้จริงแล้วคือ สงครามแย่งชิงประชาชนในยุคใหม่’ นั่นเอง ถ้าไม่หาวิธีควบคุมข้อมูลข่าวสารอย่างเด็ดขาด จะตกเป็นมวยรอง ต้องตั้งรับไปตลอด
ผมจึงขอเรียกรัฐบาลที่ไม่ประสีประสากับสงครามพันทางว่า *รัฐบาลหอย* ครับ จะเป็นหอยแครง หอยแมลงภู่ หอยปากเป็ด หอยงวงช้าง หอยเม่นก็สุดแท้แต่
ด้วยความปรารถนาดีต่อประเทศชาติครับ