ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในวันอังคาร (22 ก.พ.) เปิดเผยมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่เล่นงานชนชั้นสูงและสถาบันการเงิน 2 แห่งของรัสเซีย ในขณะที่ตะวันตกพยายามหยุดการรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ ด้วยการลงโทษรัสเซีย สำหรับกรณีที่สั่งการให้ทหารเข้าไปประจำการใน 2 เขตแบ่งแยกดินแดนที่พวกเขาเพิ่งให้การรับรองในฐานะเป็นรัฐเอกราช พร้อมชี้นี่คือการเริ่มต้นรุกราน แต่ยังคงมีเวลาหลีกเลี่ยงสงคราม
สหภาพยุโรป เยอรมนี และสหราชอาณาจักร ก็แถลงเช่นกัน ถึงแนวทางที่พวกเขาจะเล่นงานภาคการเงินของรัสเซีย ท่ามกลางความกังวลว่าการรุกรานมากกว่านี้จะมีตามมา ความเคลื่อนไหวที่มอสโกปฏิเสธมาตลอดหลายเดือน
หนึ่งในวิกฤตด้านความมั่นคงครั้งเลวร้ายสุดของยุโรปในรอบหลายทศวรรษ กำลังลุกลามบานปลาย หลังประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย สั่งการให้ทหารรัสเซียเข้าไปยังภาคตะวันออกของยูเครน เพื่อ “รักษาสันติภาพ” อย่างไรก็ตาม วอชิงตันชี้ว่ามันเป็นเรื่อง “ไร้สาระ” ที่อ้างความชอบธรรมในการประจำการทหารในเขตโดเนตสก์และเขตลูฮันสต์ หลังมอสโกรับรองทั้ง 2 เขตในฐานะรัฐเอกราช
ทั้ง 2 เขตอยู่ติดกับรัสเซียและอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียมาตั้งแต่ปี 2014
จนถึงบัดนี้ ความพยายามอันเข้มข้นทางการทูตยาวนานหลายสัปดาห์ยังคงประสบความล้มเหลว เนื่องด้วยมอสโกเรียกร้องคำรับประกันด้านความมั่นคง ในนั้นรวมถึงคำสัญญาว่ายูเครนจะไม่เข้าร่วมนาโต้ตลอดกาล แต่สมาชิกนาโต้เสนอมอบก้าวย่างต่างๆ ที่ช่วยเสริมความเชื่อมั่นแก่ปูตินและมาตรการควบคุมอาวุธ
เมื่อวันอังคาร (22 ก.พ.) ไบเดน กล่าวที่ทำเนียบขาว โดยพาดพิงถึงปูติน ว่า “เขากำลังจัดฉากหาเหตุผลใช้กำลังยึดดินแดนเพิ่มเติม นี่คือจุดเริ่มต้นในการรุกรานยูเครนของรัสเซีย”
ในความเคลื่อนไหวตอบโต้รัสเซีย ที่ยังไม่ถอนกองกำลังออกจากเบลารุส ซึ่งอยู่ทางเหนือของยูเครน ไบเดนกล่าวว่า เขาได้สั่งการให้เคลื่อนกำลังทหารสหรัฐฯ และยุทโธปกรณ์ที่อยู่ในยุโรปอยู่ก่อนแล้ว เพิ่มเติมเข้าไปยังเอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย เพื่อเสริมความเข้มแข็งแก่ประเทศเหล่านี้
“ขอผมชี้แจงให้เข้าใจ นี่คือความเคลื่อนไหวป้องกันตนเองโดยสิ้นเชิงในส่วนของเรา เราไม่มีเจตนาสู้รบกับรัสเซีย” เขากล่าว “เราต้องการส่งผ่านข้อความอย่างชัดเแจ้งว่า สหรัฐฯ ร่วมด้วยพันธมิตรของเราจะปกป้องทุกตารางนิ้วของอาณาเขตนาโต้”
มาตรการคว่ำบาตรจะบังคับใช้กับธนาคาร VEB และ Promsvyazbank ธนาคารทหารของรัสเซีย ซึ่งทำธุรกรรมด้านกลาโหม ไบเดนกล่าว ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ จะคว่ำบาตรบุคคลชั้นสูงของรัสเซียและสมาชิกครอบครัวของพวกเขา เริ่มตั้งแต่วันพุธ (23 ก.พ.) เป็นต้นไป
สำนักข่าวทาสส์ นิวส์ อ้างคำสัมภาษณ์ของทางธนาคาร Promsvyazbank ระบุว่ามาตรการคว่ำบาตรจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากพวกเขาใช้มาตรการป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดๆ
ไบเดนระบุว่า การลงโทษหนี้สาธารณะของรัสเซีย นั่นหมายความว่ารัฐบาลรัสเซียจะถูกตัดขาดจากระบบการเงินของตะวันตก
สื่อมวลชนรัสเซียหลายสำนักรายงานโดยอ้างคำพูดของ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน ระบุว่า ปูติน ไม่ได้ฟังคำแถลงของไบเดน และรัสเซียจะรอดูกรอบมาตรการคว่ำบาตรของทางสหรัฐฯ เสียก่อน แล้วถึงค่อยตอบโต้
ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร (22 ก.พ.) เยอรมนีสั่งระงับโครงการท่อลำเลียงก๊าซใหม่จากรัสเซีย และสหราชอาณาจักรลงโทษสถาบันการเงินหลายแห่งของรัสเซียด้วยมาตรการคว่ำบาตร กระตุ้นให้กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่ามาตรการใหม่นี้ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
สหภาพยุโรปยังเห็นพ้องมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ที่จะขึ้นบัญชีดำบรรดานักการเมือง สมาชิกรัฐสภา และเจ้าหน้าที่ ห้ามนักลงทุนอียูซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลรัสเซีย และเล่นงานการนำเข้าและส่งออกของหน่วยงานกบฏแบ่งแยกดินแดน
เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ก่อนหน้านี้ยักไหล่ต่อคำขู่คว่ำบาตรของสหรัฐฯ สหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร กล่าวว่า “สหายยุโรป อเมริกาและสหราชอาณาจักรของเราจะไม่หยุด และจะไม่ใจเย็นลง จนกว่าพวกเขาจะสูญเสียความเป็นไปได้ทั้งหมดในสิ่งที่เรียกว่าบทลงโทษรัสเซีย”
เยอรมนีคือลูกค้าก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย และการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ในการระงับรับรองโครงการท่อลำเลียงนอร์ดสตรีม 2 ซึ่งก่อสร้างแล้วแต่ยังรออนุมัติ ถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในมาตรการหนักหน่วงที่ยุโรปสามารถเลือกใช้
โชลซ์ บอกว่ากระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีจะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อรับประกันว่าการรับรองจะยังไม่เกิดขึ้นในตอนนี้
ดมีโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ยกย่องความเคลื่อนไหวดังกล่าว “มันเป็นก้าวย่างที่ถูกต้องในทางคุณธรรม การเมืองและในทางปฏิบัติในกรณีแวดล้อมปัจจุบัน” เขากล่าว “ผู้นำที่แท้จริงต้องผ่านการตัดสินใจที่ยากลำบากในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และความเคลื่อนไหวของเยอรมนีพิสูจน์ถึงสิ่งนั้น”
เครมลินแสดงความหวังว่าเยอรมนีจะระงับรับรองโครงการดังกล่าวเพียงชั่วคราว และปูตินบอกว่ารัสเซียมีเป้าหมายเดินหน้าป้อนอุปทานพลังงานแก่ทั่วโลกโดยไม่มีปัญหาติดขัดใดๆ
(ที่มา : รอยเตอร์)