วันนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีกลุ่มราษฎรปฏิเสธ ไม่เข้าร่วมคณะกรรมการสมานฉันท์ เพราะมองว่า เป็นการซื้อเวลา จนดูเหมือนจะคลอดคณะกรรมการชุดนี้ไม่ได้ ว่า ตนไม่รู้ แต่เอาใจช่วย ถ้าคลอดไม่ได้ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ในเมื่อเราทั้งหมดพูดกันว่า เป็นอำนาจของประธานรัฐสภา ตามข้อบังคับการประชุมข้อ 5 (6) ที่ระบุถึงอำนาจของประธานรัฐสภา
.
ดังนั้น อย่าไปสงสัยอะไร ขอให้ประธานรัฐสภาทำของท่านไป อีกทั้งไม่ใช่ว่า อยู่ดี ๆ ประธานรัฐสภาจะลุกขึ้นฟิตจัดมาทำเอง แต่ในสภาเองเป็นคนโยนไปให้ท่านทั้งนั้น ตั้งแต่ฝ่ายรัฐบาล คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงจากบัลลังก์ไปนั่งคุยข้างล่าง ฝ่ายค้านคือ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ส.ว.คือ นายคำนูณ สิทธิสมาน หรือแม้แต่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐเอง ดังนั้น ประธานรัฐสภาจึงรับเอามาทำ
.
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงขณะนี้ ถ้าผู้ชุมนุมไม่เอาด้วยกับคณะกรรมการชุดนี้แล้วจะทำอย่างไรต่อ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนคิดว่า อย่าเพิ่งไปพูดอะไรในตอนนี้ ปล่อยให้เขาพยายามทำอะไรกันอยู่ เพราะมันอาจจะได้ผลขั้นต้นก็ได้ คือ ให้มีตัวบุคคลเข้ามานั่งพูดคุยกัน
.
ส่วนจะที่ได้ผลขั้นที่สอง คือ มีข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการชุดนี้ ถือเป็น 2 ขั้นตอน ฉะนั้น ปล่อยให้เขาทำงาน อย่าลุกขึ้นติเรือทั้งโกลน ลุกขึ้นตีปี๊บ หรือที่ภาษาไทยเรียกว่า “เรือล่มเมื่อจอด ตาบอดเมื่อแก่” มันยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะฉะนั้น ให้เขาทำไปก่อน ถ้าลุกขึ้นแห่กัน หรือโห่กัน หรือกระหึ่มกันว่าไม่สำเร็จหรอก ถ้าตนเป็นนายชวน ตนก็ไม่อยากทำเหมือนกัน
.
นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนเรื่องโครงสร้าง ก็ให้สถาบันพระปกเกล้าเขาออกแบบ ซึ่งมีหลายสูตร อย่างนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ก็ออกมาอีกสูตรหนึ่งไม่ใช่หรือ แต่ถึงอย่างไรก็มีวิธีของมัน ในโลกนี้คนที่เป็นคู่กรณีขัดแย้งกัน มีการคิด และเสนอทางออกอย่างนี้กันมาหลายสูตรแล้ว แต่บังเอิญของไทยเราไม่เหมือนกับปัญหาของอินโดนีเซียกับอาเจะห์ หรืออีกหลายปัญหา ถ้าคนสองกลุ่มขัดแย้งกัน วิธีแก้ปัญหาอาจจะเป็นอย่างหนึ่ง
.
แต่อันนี้จะเอาสองคนมานั่งคุยกันก็กลายเป็นว่า ต้องเริ่มต้นว่าใครขัดแย้งกับใคร เหมือนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บ่นมาก่อนหน้านี้มาตลอดว่า ท่านอยากจะเชิญมาคุย แต่ไม่รู้จะเชิญใคร เพราะไม่รู้ว่า ใครเป็นอีกฝ่ายหนึ่ง ถ้าเชิญนาย ก. แล้วนาย ข. นาย ค.ไม่มา แล้วนาย ก.ก็กลับไปพูดอะไรกับนาย ข. นาย ค.ไม่ได้
.
ฉะนั้น จะพูดกับคนที่อยู่เบื้องหน้า หรือคนที่อยู่เบื้องหลังก็ไม่รู้ อย่างเมื่อคืนก็มีโพลของซูเปอร์โพลพิเคราะห์ดูแล้วสังคมเห็นว่า แต่ละฝ่ายมีผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งก็ต้องทำให้คิดไปใหญ่ว่า แล้วถ้าไม่เอาผู้อยู่เบื้องหลังมาคุยด้วย เอาแต่เบื้องหน้ามาแล้วจะได้อะไร ดังนั้น ต้องลงไปดูที่สาเหตุ ที่ตนพูดคือ ทฤษฎีทั้งหมด ถ้าให้ตนทำก็ทำไม่เป็น เพราะไม่รู้ว่ามันมีอะไรอยู่เบื้องหลัง หรือไม