สถาบันบัณฑิตการเมือง โดย กรพัชร์ สุนทรพิธ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
การที่เสนอให้มีการตั้งกรรมการ กลั่นกรองคดีมาตรา 112 นั้น ฟังแล้ว ทุกท่านอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่ ดีแต่ในทางกลับกัน กฎหมายทุกมาตรา มีข้อจำกัด มีการกลั่นกรองในตัวของมันเอง เริ่มตั้งแต่ ทั้งการแจ้งความหรือชั้นพนักงานสอบสวน และอีกเป็นขั้นเป็นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆหากไม่เข้าข่ายกระทำความผิด ก็จะไม่ถูกดำเนินคดี
แปลว่าหากมีพร้อมพยานหลักฐาน ที่เข้าข่าย กระทำความผิดก็คงไม่รอด ปกติแล้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีคณะกรรมการเกี่ยวกับงานด้านนี้อยู่แล้ว อีกทั้งการไปดึงเอาผู้ทรงคุณวุฒิจากศาลฏีกามาเกี่ยวข้อง อาจทำให้เป็นการล้ำเส้นอำนาจอธิปไตย บริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ. เรามีการถ่วงดุลอำนาจทั้ง 3 องค์กร หรือเรียกอีกอย่างว่า check and Balance หากมีการแทรก ทำงานซ้อนองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ความเสถียรภาพ ของการบริหารในเชิงกฎหมายก็จะลดลง
และที่สำคัญ ผมได้ทราบข่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีจดหมายเวียน ทุกสถานีตำรวจ ให้ผู้บังคับบัญชาระดับ ผู้กำกับ ลงมาดูแลเกี่ยวกับมาตรา 112 และ116 หากมีประชาชนเข้าแจ้งความ และเรื่องก็จะถูกเสนอส่งไปที่ ภูธรจังหวัดและภาค
แค่นี้ก็แสดงให้เห็นถึง การเป็นระบบเป็นขั้นเป็นตอน ของกฎหมาย ที่มีความสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับความมั่นคงของรัฐ
#กฎหมายมาตรา112ไม่ได้ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ส่วนคนที่เดือดร้อนคือคนที่จ้องกระทำความผิดจากจาบจ้วงใส่ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์
กรพัชร์ สุนทรพิธ