16 ก.พ.2566 – นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ตีเนียน” โดยกล่าวถึงสามเหตุการณ์โด่งดัง อย่าง พ.ร.บ.สุดซอย คดีบอส อยู่วิทยา ขับรถชนดาบตำรวจเสียชีวิตคาเครื่องแบบ และเรื่อง อบจ.เชียงใหม่ มีความสัมพันธ์เป็นเรื่องเดียวกัน จึงอยากฟังคำตอบจากทักษิณ ชินวัตร ว่า ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่คาดไม่ถึงนี้หรือไม่?
“ขอให้ท่าน (ทักษิณ) พูดเสียงดัง ด้วยการปฏิญาณต่อพระสยามเทวาธิราช ต่อศาลหลักเมือง ต่อพระแก้วมรกต ว่าท่านไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ในคดีนี้เลย ไม่เคยโทรหาใคร ไม่เคยร้องหาใครใดๆ ผมก็อยากฟัง เพราะหลากหลายแวดวงกับคดีนี้ได้ยินกันทั้งบางว่า ใครเกี่ยวข้องตรงไหนอย่างไร ความจริงไม่ได้อยู่กับผมคนเดียว ผมแค่ฟังเขามา แต่เชื่อว่า รายงานต่างๆ ได้บันทึกคนที่เกี่ยวข้องไว้ทั้งหมด” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่าเรื่องราวที่คาดไม่ถึงได้เชื่อมโยงตั้งแต่เรื่อง พรบ.สุดซอย ถึงคดีบอส อยู่วิทยา ในบางตอน กระทั่งเรื่อง อบจ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสามเรื่องแต่สัมพันธ์เป็นเรื่องเดียวกันไปหมด ดังนั้น ตนอยากได้ยินคำตอบจากทักษิณ ชินวัตร ว่า ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวใดๆ กับคดีบอส อยู่วิทยา
พร้อมย้ำว่า ความจริงเรื่องสุดซอย คดีบอส และ อบจ.เชียงใหม่ ทั้งสามเรื่องนี้ไม่น่าเกี่ยวข้องกัน แล้วมากลายเป็นเรื่องเดียวกันได้อย่างไร ตนเพียงแต่มาถาม และอยากได้ยินคำตอบจากชายชาติตำรวจเก่าว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย จะได้สง่างามที่ได้ปฎิญาณต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองก็จบกันไป
สิ่งสำคัญ เน้นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้ทำอะไรเลยกับคดีบอส อยู่วิทยา และรายงานของ อ.วิชา มหาคุณ ที่นายกฯ แต่งตั้งขึ้นมาให้ตรวจสอบคดีนี้ด้วยตนเอง แต่รายงานยังอยู่ที่ลิ้นชัก ดังนั้น ควรดำเนินคดีนายกฯ ในข้อหา ม.157 ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่เสียด้วย เพราะเมื่อมีหน้าที่ตั้งแต่การปฏิรูปถึงทุกเรื่องราวแล้ว กลับเอาแต่ตีเนียนทำมึนๆ เพิกเฉยไป
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อ อ.วิชา มหาคุณ ชี้เป้าให้หมดแล้ว ว่า ใครทำอะไรตรงไหน โดยเฉพาะในรายงานอีก 95% ที่ทำลายกระบวนการยุติธรรม ยังไม่ได้รับการปฏิบัติตามการสอบสวนในรายงานนั้นเลย พล.อ.ประยุทธ์ ได้แต่ตีเนียนว่า บัดนี้ได้ดำเนินการแล้ว แต่ที่ทำไปนั้นแค่ 5% ส่วนที่เหลือนั้น เป็นการทำลายโครงสร้างประเทศให้ป่นปี้ ยังไม่ได้ทำเลย
“ถ้าเปิดรายงานสอบสวนทั้งหมด แล้วแถลงกันอย่างตรงไปตรงมา ผมว่าล้มครืนกันเลย และชี้ให้เห็นว่า ประเทศนี้มันบัดซบเกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ หรือไปเกี่ยวข้องอย่างไร แค่อยากได้ฟังว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย ไม่เคยโทรไปล็อบบี้ หรือร้องขอใดๆเลย”
นายจตุพร ย้ำว่า ตนอยากได้ยินทักษิณบอกว่า ไม่เคยเจอกับพ่อของบอส หรือคนรู้จักที่เป็นช่องทางตั้งแต่สุดซอย ยันบอส กระทั่งถึงเรื่องเชียงใหม่ ทั้งหมดนั้นจะได้กระจ่าง และเราจะทำความจริงให้เกิดขึ้นกันหรือไม่ เพราะความจริงเป็นสิ่งงดงาม เป็นประโยชน์กับประชาชน อย่างน้อยประชาชนจะได้ตาสว่างกับสิ่งที่มืดมนนั้น แล้วคนได้แลเห็นกันทั้งบ้านทั้งเมือง
ส่วนกรณีการกลับไทยของทักษิณนั้น นายจตุพร กล่าวว่า แน่นอนในด้านดีต้องเป็นเดิมพันโดยหวังได้เสียงแลนด์สไลด์ แต่ในด้านเสียแล้วจะทำให้เดินไปถึงการเลือกตั้งหรือไม่ ดังนั้น อะไรก็ตาม เมื่อคิดจะได้ ก็คิดถึงการเสียไว้ด้วย
“ผมจึงต้องถามง่ายๆว่า จะกลับมาวันไหน ตำรวจจะไปรอรับเหมือน เบนซ์ เดม่อน ซึ่งจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้ว เพราะคดีถึงที่สุดต้องติดคุก 12 ปี เรื่องมีแค่นี้เองกับการกลับมาบ้าน สิ่งสำคัญคือ ทักษิณเมื่อกล้าพูดแล้ว ควรต้องกล้าทำ มันไม่ควรทำให้บรรยากาศอึมครึม เพราะประเทศจะได้คิดหาทางออกใหม่ๆ กันได้”