27 พ.ค.62 – นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการลมหายใจพีซทีวี เวทีทัศน์ เมื่อวานนี้ โดยทันทีที่นายพูดกรณี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 พฤษภาคม ที่โรงพยาบาลพระมงกุฏ มวลชนเสื้อแดงที่นั่งฟังอยู่ต่างส่งเสียงปรบมือเกรียวกราว อย่างไรก็ตามนายจตุพร พยายามที่จะขอร้องห้ามปราม โดยเน้นย้ำต่างเป็นคนไทย นับถือศาสนาพุทธ ต้องเปิดพื้นที่ความเป็นมนุษย์
นายจตุพร กล่าวต่อว่าตลอดระยะเวลา 10 ปีนี้ สิ่งที่เห็นต่างกันนั้น เราได้พูดกันไปหมดแล้ว มีเรื่องมีราวกันมากมาย แต่เราเป็นคนไทย เป็นพุทธศาสนิกชน เมื่อทุกอย่างได้จบกัน ก็อโหสิกรรมกันไป นี่เป็นเรื่องปกติของคนที่เกิดมาเป็นคนพุทธ และอยู่อย่างวิญญูชนทั้งหลาย เพราะฉะนั้น เรื่องราวของมนุษย์ แต่ละห้วงเวลามันแตกต่างกัน บางเวลาเขาก็ได้ได้สร้างคุณูปการไว้มากมาย อย่างน้อย 2 เรื่อง คือเรื่องคำสั่งที่ 66/23 ที่ยุติสงครามที่ฆ่ากันทั้งประเทศ ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และกองทัพของรัฐบาลไทย และ เรื่องคำว่าผมพอแล้ว นี่ก็เป็นสัจธรรมทางการเมืองของคนที่รู้จักพอ
ฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่าง คนเรามีทั้งบวกและลบเสมอ ดังนั้นตนเองก็พูดในทุกมิติเรื่องราวต่างๆได้พูดไปหมดแล้ว ตนเช่นกันวันหนึ่งถ้าไปประพฤติชั่วช้าก็จะไม่มีใครที่จะมาร่วมทางอะไรกับตนด้วย ทั้งที่ห้วงเวลาหนึ่งตนอาจจะทำดีก็ได้ เพราะฉะนั้น มนุษย์เราก็ควรจะมองทุกด้าน นี่ก็เป็นโดยหลักอย่างน้อยเราได้รักษาพื้นที่ความเป็นมนุษย์.
“อยากให้พี่น้องฟังกันโดยสงบ เพื่อให้เห็นว่าเราเองนั้น เราอยู่อย่างมีวัฒนธรรม อย่างมีความเข้าใจ วันนี้พลเอกเปรม ถึงแก่อสัญกรรม เราอย่าได้มีความรู้สึกดีใจเลย”นายจตุพร กล่าว
Cr.thaipost
สำนักข่าววิหคนิวส์