25 ก.ย.2565-นายสุริยะใส กตะศิลา อดีตผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) และคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต กล่าวตอนหนึ่งในงานที่คณะหลอมรวมประชาชน จัดเสวนา “นับหนึ่งประเทศไทย ด้วยอธิปไตยของปวงชน หลัง 30 กันยายน” ที่อนุสรณ์สถาน14ตุลา แยกคอกวัว ตอนหนึ่งว่า สมัยเป็นเชลยทางการเมือง ในเรือนจำ เจอคำถามหนึ่งว่า เคยรู้สึกไหมว่า เราถูกหลอกใช้ ซึ่งตนก็ตอบไม่ได้ จากนั้นตั้งปณิธาน หากออกมา พบปะพูดคุยแกนนำเสื้อแดง เสื้อเหลือง กปปส. โจทย์สำคัญคือ บ้านเมืองจะไปอย่างไร ในหลักการคิดว่า บ้านเมืองเดินมาถึงจุดที่ ประชาชนต้องคุยกัน ที่ง่ายกว่า นักการเมืองคุยกัน เพราะเราบริสุทธิ์ใจ ไม่มีผลประโยชน์ หากมีการหลอมรวมประชาชน ต้องเริ่มจากประชาชน หากไม่ทำอย่างนี้ ก็ยังไม่เห็นทางออกอื่น
อำนาจอธิปไตย ไม่ได้มีอยู่จริง สัมผัสไม่ได้ หลักการคือทำอย่างไร ให้การตัดสินใจ ยึดโยงกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ดังนั้น รัฐธรรมนูญทุกฉบับจึงออกแบบ ให้สะพานประชาธิปไตยใกล้ชาวบ้านมากที่สุด ซึ่งไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูกทั้งหมด ตอนหาเสียงบอก ยึดโยงประชาชน พอมีรัฐบาลกลับยึดโยงกับนายทุน กลุ่มผลประโยชน์ขนาดใหญ่ พอยุบสภาฯ มาตีหน้าเศร้า เพื่อขอคะแนนเสียง ถือเป็น มายาธิปไตยที่ยังลบไม่ออก เราประเคนนักการเมืองมากเกินไป ควรสถาปนาอำนาจประชาชน โดยลดอำนาจผู้แทน ลดอำนาจจากส่วนกลาง แล้วเพิ่มอำนาจประชาชน เพิ่มอำนาจในส่วนท้องถิ่น แม้พยายามจะทำให้มีส่วนร่วม แต่ก็ไปไม่ไกล
“โจทย์ของคณะหลอมรวมคงไม่ใช่แค่ 30ก.ย. ไม่ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะอยู่หรือไป ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง นักการเมืองทุกพรรค พูดน้อยต่อ การเมืองระหว่างประเทศ ทำไมไม่คิดว่า ไม่พึ่งพาสหรัฐหรือจีน เราก็อยู่ได้ ทำไมไม่สถาปนาอำนาจบางอย่าง เราคงไม่ต้องแข่งกันเรื่องอาวุธ แต่ต้องคิดว่า มีอะไรบ้างที่จะสถาปนาอำนาจให้ไทยได้บ้าง ทั้งเรื่อง สุขภาพ การท่องเที่ยว เราไม่ได้รังเกียจประเทศมหาอำนาจขนาดใหญ่ แต่ขอให้คบอย่างมีสถานะ มีศักดิ์ศรี คณะหลอมรวมประเทศได้พูดถึงโจทย์นี้ แต่สำหรับนักการเมืองอาจมองว่า อยู่ไกลตัว ไม่ได้อิหนังขังขอบ คิดแต่ว่า จะกลับมามีอำนาจอย่างไร โจทย์ตอนนี้ ไม่ใช่รัฐบาลกับฝ่ายค้าน หรือเรื่อง ทักษิณ จะได้กลับบ้านหรือไม่ แต่สถานการณ์ที่เรายังอ่านไม่ออก ถ้ามีสงครามใหญ่ เราจะอยู่ตรงไหน ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่จะปล่อยให้เป็นเรื่อง นักการเมืองอีกต่อไป”
นายสุริยะใสกล่าวว่า วันที่30ก.ย. ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะกลับไม่กลับ ก็เป็นโค้งสุดท้ายของพล.อ.ประยุทธ์ การเมืองยังมีเรื่องอื่น เพื่อไทยแลนด์สไลด์ได้หรือไม่ ถ้าได้แล้วจะอย่างไร ถ้าพลังประชารัฐต่อท่ออำนาจต่อไปอีก นึกถึงคนเป็นนายกฯมีกี่คน พูดแบบนี้ เดี๋ยวโดนถามกลับ แล้วจะเอาใคร ถ้าไม่เอาเลือกตั้ง ตนมองว่า เป็นโจทย์ที่ใหญ่มาก แม้คณะหลอมรวมมาเคลื่อนเรื่องนี้ อาจยังไม่เป็นกระแสหลัก ถือเป็นโจทย์ใหญ่มากกว่า เอาประยุทธ์ไม่เอาประยุทธ์ เพื่อไทยจะแลนด์สไลด์หรือไม่ แต่ที่คณะหลอมรวมทำคือ ได้ทำให้คนเห็นต่างกันอย่างสุดโต่ง ได้มานั่งคุยกันได้ โดยไม่ต้องตีกัน ถือเป็น ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่แล้ว
ไม่เชื่อว่า ความปรองดองจะมาจากนักการเมือง เพราะนักการเมือง หากินกับความขัดแย้ง บอกว่า ให้ประชาชนรักกัน แต่กลับสร้างเงื่อนไขให้คนทะเลาะกัน เลยทำให้เบื่อมาก ดูข่าวการเมืองน้อยลง ไปดูวอลเล่ย์บอลสนุกกว่า ขอให้มองไปข้างหน้า นักต่อสู้ต้องกล้าสรุปบทเรียน วิจารณ์กันเอง ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดก็ยอมรับ ปรองดองถ้าเริ่มจากประชาชนได้ เชื่อว่าไปได้ 3ป.วันนี้ ถึงตอนจบแล้ว ไม่มีทางที่จะลากต่อ ได้คิดถึง 3 ป. สำหรับประชาชนแล้วคือ ปรองดอง ที่มาจากประชาชน ถ้าปรองดองไม่มา ปฏิรูปไม่เกิด จากนั้นจะได้มี ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อาจมาช้าหน่อย เหนื่อยหน่อย โดยเฉพาะความหวังกับการปรองดอง อยากให้มาเร็วที่สุด
“เคยคุยกับ ทนายนกเขา ถ้าจัดม็อบแตกหัก3ป. อย่าไปทำ เหนื่อย แต่ควรออกแบบประเทศหลังยุค3ป.ดีกว่า คำเตือน พล.อ.เปรม บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ใช้กองหนุนเปลือง ส่วนตัวมองว่า ไม่ใช่แค่เปลือง แต่ใช้หมดแล้ว รวมทั้งพล.อ.เปรม ยังบอก พล.อ. ไม่นำพา มองประชาชนเป็นของตาย และในวันนี้ ถือว่า สายเกินไปแล้ว”