หลังจากที่นายจอม เพชรประดับ แสดงอาการผิดหวัง หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ปรากฏตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในฐานะจำเลยในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว โดยนายจอม ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัว Jom Petchpradab ระบุว่า “อ้าว..ก็ไหนว่า “นักรบเพื่อประชาธิปไตยย่อมยอมตายในสนามรบ” ไง…หลอกกูหรือเปล่า…????” จนถูกผู้ที่นิยมชมชอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามไปถล่ม จนนายจอม ต้องลบโพสต์ดังกล่าวออกไปแล้ว
ล่าสุดนายจอม เพชรประดับโพสต์ข้อความใน Jom Petchpradab อีกครั้ง โดยกลับมาแสดงความเห็นอกเห็นใจ ให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่หนีคดี ในประเทศที่อ้างว่า ไม่มีความเป็นธรรม ซึ่งดูได้จากคำตัดสินคดีจีทูจี ที่พิพากษาจำคุก นายบุญทรง
“ผมผิดหวังมากๆ ครับรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหลอก”
ผมรู้สึกเช่นนี้จริง ๆ ถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกเช่นนี้ …
คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากมั้งครับว่า เพราะเหตุใด “คุณยิ่งลักษณ์-พรรคเพื่อไทย”จึงเป็นเพียงความหวังเดียวของผม ที่หวังจะให้เป็นธงนำ เรียกร้องต่อสู้เพื่อความเป็นประชาธิปไตยและนำความถูกต้องเป็นธรรมสู่สังคมไทย
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมรู้สึกเป็นเกียรติได้ร่วมรบ ร่วมต่อสู้กับพวกเขาในสนามรบที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายและป่าเถื่อนนี้
แต่ถึง นาทีนี้…ขอสารภาพเลยครับว่า ผมอยู่กับอุดมคติ ติดกับหลักการของการต่อสู้มากเกินไป ผมไม่เคยคิดว่าเผด็จการแห่งตุลาการภิวัฒน์ไทย จะโหดร้าย อำมหิตได้ถึงขนาดนี้
คำตัดสิน คุณบุญทรง เตริยาภิรมย์ และพวก ที่รุนแรงพอๆ ไม่ต่างกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ทั้งที่เป็นกระบวนการยุติธรรมที่มีข้อกังขากันทั้งโลก
ทำให้เข้าใจการตัดสินใจของ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นอย่างดีครับว่า ทำไมเธอถึงเลือกที่จะหนี ที่ผ่านมา เธอได้แบกรับภาวะความคาดหวังจากมวลชน ผู้รักประชาธิปไตยเป็นจำนวนมาก อีกทั้งต้องดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างแสนสาหัส เกินกว่าที่คนอย่างผมจะรับรู้และเข้าใจได้
ใช่ครับ ผมก็..หนี.. แต่เงื่อนไขการหนีของผม ไม่ได้อยู่บนความคาดหวังของใคร …
ก็ขอแสดงยินดีกับคุณยิ่งลักษณ์ ที่จะได้มีโอกาสสัมผัสกับอิสระภาพของการใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป
ขอขอบคุณกับการที่ได้อดทน อดกลั้น ต่อสู้อย่างหนักแน่นเด็ดเดี่ยว และยอมแบกรับภาระอันหนักอึ้งของพวกเรามาช่วงระยะเวลาหนึ่ง
และขอต้อนรับสมาชิกใหม่”ผู้ลี้ภัยการเมือง”ในต่างประเทศ
ต้องขอโทษ ขออภัย สำหรับมวลมิตรผู้รักประชาธิปไตย และคนเสื้อแดงทั้งหลายที่ได้โพสต์ข้อความทำร้าย ทำลายความรู้สึก… อย่างที่บอกแล้ว ผมรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ
ถามว่า นับจากนี้จะสู้กันต่อไปกันอย่างไร ยังมีความหวังที่จะสู้อยู่ต่อไปอีกหรือไม่
เหตุการณ์ครั้งนี้สอนให้ผมรู้ว่า อย่าสู้บนหลักการ หรืออยู่กับอุดมคติจนเกินไป โดยเฉพาะการต่อสู้กับเผด็จการอำมาตย์ที่อำมหิตและป่าเถื่อน
สู้ด้วยพลังกายและพลังใจ เท่าที่ตัวของเราเอง จะทำได้….
อย่าท้อแท้ และสิ้นหวังนะครับ.. เพราะทุกการต่อสู้ขึ้นอยู่กับความอดทนและความหวัง
อย่างน้อยแต่ผมคิดว่าสำคัญคือ “หวังและคอยเติมพลังให้กับตัวเอง” ครับ
สำนักข่าววิหคนิวส์