เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #จะดีขึ้นใน 7 วันหากแม่นยำในยุทธศาสตร์ ! ดร.เทอดศักดิ์ ชี้ทางออก

#จะดีขึ้นใน 7 วันหากแม่นยำในยุทธศาสตร์ ! ดร.เทอดศักดิ์ ชี้ทางออก

14 July 2020
1003   0

ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ การเมือง การปกครอง ได้โพสข้อความระบุว่า จะดีขึ้นใน 7 วันหากแม่นยำในยุทธศาสตร์

สถานการณ์โควิดทั่วโลกที่กลับมาแพร่ระบาด ตามสถิติจะเกิดขึ้น ตั้งแต่ 21 มิถุนายน 2563 เป็นต้นมา และจะมีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก คนมีชื่อเสียง ระหว่างวันที่ 1-14 กรกฎาคม และตั้งแต่ ตามหลักสถิติ14 กรกฎาคม ผู้รู้นักปราชญ์จะมาแก้ไขให้ผ่านลุล่วงไปได้

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์ตลอดที่ผ่านมา ที่ได้เคยเตือนไว้เป็นดั่งว่าจริง และหนักขึ้นตามลำดับจนมีผู้ติดเชื้อทั่วโลก ทะละ 13 ล้านคน ล้มตายเกือบ 6 แสนราย โดยเฉพาะในประเทศฝั่งสหภาพยุโรป เจ้าลัทธิประชาธิปไตย ในขณะที่ฝั่งคอมมิวนิสต์อย่างจีน สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อยู่หมัดหมดแล้ว

ในเอเซีย อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น กำลังหนัก โดยเฉพาะฐานทัพสหรัฐใน โอกินาวา ที่มีทหารติดเชื้อกว่า 142 ราย เสียชีวิตไปแล้ว 7 ราย และยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้

ในไทยเกิดจากความผิดพลาดเชิงการบริหาร รัฐบาลได้ให้ “อภิสิทธ์ชน” แกแขกของรัฐบาล ที่เริ่มต้นจากผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐ ที่เดินทางมาทำสนธิสัญญาความร่วมกับไทยในการร่วมมือในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค ด้วยการกดดันจีน เล่นงานจีน แบ่งแยกจีน อันจะส่งผลต่อคะแนนนิยมของทรัมป์

ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 โดยมีการทำเรือบันทุกเครื่องบิน 2 กองเรือใหญ่มาตรึงซ้อมรบในทะเลจีนใต้ และขอให้ประเทศในเอเซีย เช่น สิงคโปร์ อินเดีย ไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ร่วมกันเล่นงานจีน

การออกคำสั่งให้ “อภิสิทธ์ชน” จากเฉพาะ ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐ ถูกต่อต้านจากประชาชนคนไทยที่ไม่ต้องกักโรค อ้างว่าเป็นแขก VIP ลามปามอนุญาตให้นักการทูต และนักธุรกิจ ทั้งที่คนไทยทั้งประเทศ กำลังเดือดร้อนจากสภาวะเศรษฐกิจ การปิดเมือง ยาวนานกว่า 4 เดือนในไตรมาศที่ 2 ธุรกิจร้านค้า ต่างเสียหายอย่างหนัก จนต้องจ่ายเงินเยียวยากว่า 1.9 ล้านๆบาทจากเงินกู้ ต้องออกพรก.เงินกู้ผ่านสภาถึง  3 ฉบับ

แม้ไทยได้รับการยกย่องเป็นอันดับ 1 ของโลก จากยุทธการไวรัสพินาศประชาชนพ้นภัย ที่มียุทธวิธีระยะต้นคือ ป้องปราม เยียวยา และฟื้นฟูนั้น อันเป็นทฤษฎีหลักคิดของคนไทยมิใช่ฝรั่ง พอเข้าสู่ระยะกลาง ที่มียุทธวิธี เก็บเกี่ยว(เลือกตั้งท้องถิ่น) ปฏิรูปประเทศ และพัฒนาเศรษฐกิจ กลับล่าช้าไปกว่า 1 เดือน ทำให้เริ่มพังตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา เพราะขาดความแม่นยำในยุทธศาสตร์

วันที่ 1 กรกฎาคม เปิดเรียน เงินเยียวยาหมด ต้องเลื่อนการเปิดต่างประเทศ โควิดระบาดหนักกว่าเฟสแรก

วันที่ 3 กรกฎาคม ออกคำสั่งตั้งกรรมการปฎิรูป 13 ด้าน 183 คน แล้วยกเลิกกรรมการชุดเดิม ส่งแรมโบ้ ไปคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง โดยเข้าใจว่านี้คือการปฏิรูปประเทศ  จนเกิดการปะทะกันระหว่างแรมโบ้กับเสื้อแดง

4 กรกฎาคม ตั้งทีมเศรษฐกิจพลังประชารัฐ หวังพัฒนาเศรษฐกิจ เอา ดร.นฤมล มาเป็นหัวหน้า  จนถูกต่อต้านจากประชาชน จนต้องยกเลิก

5 กรกฎาคม เลือกกรรมการบริหาร เปลี่ยนโลโก้พรรค รวมพลังประชาชาติไทย เอาเด็กกำนันมานั่งหัวหน้า แล้วเข้าใจว่าคือการปฏิรูปพรรคการเมือง

9 กรฎาคม กลุ่ม 4 กุมารแถลงหัก พลเอกประวิทย์ ด้วยการลาออกจากสมาชิกพลังประชารัฐ

11 กรกฎาคม ออกคำสั่งอภิสิทธิ์ชน ให้แขก VIP เข้าประเทศโดยไม่ต้องกักโรค แต่คนไทยทุกคนที่เสียภาษี เข้ามาในประเทศจะต้องกักโรค 14 วันในสถานที่รัฐกำหนด

13 กรกฎาคม ตรวจพบการแพร่ระบาดในแขก VIP 2 คณะทั้งในกรุงเทพ-ระยอง สร้างความแตกตื่นไม่พอใจทั้งประเทศ

นี้คือเวลาของกำหนดการณ์ที่ผิดพลาด ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา

สำหรับหนทางแก้ไขนั้น เพียงแม่นยำในยุทธศาสตร์ ก็จะสามารถผ่านพ้นวิกฤติการแพร่ระบาดในระลอก 2 ไปได้ไม่ยาก โดยต้องยกเลิกคำสั่งฉบับอภิสิทธิ์ชน อ้างการแพร่ระบาด ส่วนพื้นที่ใดเผชิญกับการระบาด ต้องประกาศให้ชัดเจนไม่ต้องปกปิด แล้วออกคำสั่งปิดเป็นเวลา 14 วัน เพื่อลงโทษ และเป็นตัวแบบ เป็นจุดๆ หากรุนแรง ก็ยกระดับเป็น ปิดอำเภอ จังหวัด ตามลำดับ

ติดตามค้นหา กักโรค บุคคลที่เข้าสู่ความเสียงอย่างเข้มงวด สร้างความเชื่อมั่นกับประชาชน อันจะเป็นตัวแบบแก่สถานประกอบการทั้งประเทศ ให้ใช้ความระมัดระวังให้สูงขึ้น หรือการ์ดไม่ตก โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้า

ควรแจ้งไปยังผู้นำประเทศ ที่มีนักการทูต ทหาร เข้ามาก่อปัญหาการแพร่ระบาดในประเทศไทย ให้ช่วยออกคำสั่งแก้ไขเป็นการด่วน อย่าใช้วิธีต่อต้านทั้งทางตรงและทางอ้อม อันจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในระยะยาว

แล้วตั้งสติกลับไปพิจารณา ยุทธวิธีในระยะกลาง ทั้ง เก็บเกี่ยว ปฏิรูป และพัฒนาเศรษฐกิจ ที่ทำผิดพลาดเสียเวลามาแล้วเกือบครึ่งเดือน เข้าสู่การระดมทางความคิด นัดหมาย  4 ท่านพบ เพื่อขอคำแนะนำ ทุกอย่างก็จะเริ่มดีขึ้น คะแนนนิยมที่เริ่มตกต่ำลง ก็จะเริ่มดีขึ้น ความเชื่อมั่นก็จะกลับคืนมา ประชาชนก็จะมีความหวังมากขึ้น โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่จะหนักที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่ล่าสุด กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ได้ออกคำเตือนไปทั่วโลกแล้ว หากเดินตามนี้ กระแสจะดีขึ้นใน 7 วัน ด้วยความปราถนาดี

“ ผู้นำที่ชาญฉลาด ในยามวิกฤติจะไม่ค้นหาขุนศึก แต่จะค้นหานักปราชญ์ มาเป็นเสาค้ำยันประเทศ นักปราชญ์ เปรียบดั่งช้างเผือก มักแฝงเรนกายในป่าลึก เล่าปี่ ชายทอเสื่อ ต้องรอนแรมถึง 3 ครั้งไปค้นหาอ้อนวอน จูกัดเหลียง จนสำเร็จสามารถกลายเป็นพระเจ้าเล่าปี่ หรือ พยัคฆ์ติดปีกในที่สุด “

ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา

14 กรกฎาคม 2563

(โควิดระลอก 2 ระบาด)