13 มี.ค.65 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวว่า กองทัพรัสเซียกลับมาโหมปูพรมปฏิบัติการโจมตีทางทหาร ในแทบทุกภูมิภาคของยูเครน เพื่อเปิดทางเข้าสู่กรุงเคียฟ หากเป้าหมายของรัฐบาลมอสโกเป็นเช่นนั้นจริง ยูเครนจะปล่อยให้พวกเขาเข้ามาตามที่ต้องการ แต่ชาวยูเครนในเมืองหลวงจะร่วมกันยืนหยัดต่อสู้อย่างถึงที่สุด
.
นายเซเลนสกีระบุว่า หากรัสเซียตัดสินใจทิ้งระเบิดปูพรม เพื่อหวังจะลบประวัติศาสตร์ของดินแดนแห่งนี้ และทำลายชาวยูเครนทั้งหมด รัสเซียจะต้องบุกเข้ามายังกรุงเคียฟแน่นอน ซึ่งถ้านั่นคือเป้าหมายของรัสเซีย ก็คงต้องปล่อยให้พวกเขาเข้ามา แต่จำไว้ว่า พวกเขาจะต้องเอาชีวิตรอดในดินแดนแห่งนี้ด้วยตัวเอง เพราะชาวยูเครนจะสู้จนตัวตาย
.
ทั้งนี้ นายเซเลนสกี ยังคงปรากฏตัวผ่านโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อยืนยันว่าเขายังอยู่ในกรุงเคียฟโดยระบุว่า เมืองเล็กๆ หลายเมืองของยูเครนได้ถูกทำลายลงแล้ว นับตั้งแต่รัสเซียบุกเข้ามารุกรานตลอดช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยการบุกโจมตีของรัสเซียส่งผลให้ประชาชนหลายพันคนต้องติดอยู่ตามเมืองต่างๆ ท่ามกลางสงคราม และมีชาวยูเครนอีกกว่า 2.5 ล้านคนที่อพยพหนีภัยสงครามไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว
.
ขณะที่หน่วยสืบราชการลับของยูเครนยังระบุด้วยว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมากองกำลังของรัสเซีย เพิ่งจะสังหารพลเรือนยูเครน 7 คนซึ่งมีทั้งผู้หญิงและเด็ก ในขณะที่พวกเขากำลังจะอพยพหนีการสู้รบใกล้กับกรุงเคียฟ อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์ยังไม่สามารถยืนยันข่าวนี้ได้แน่ชัด และยังไม่มีการแสดงความเห็นในเรื่องนี้จากทางฝ่ายรัสเซียแต่อย่างใด
.
โดยจากการเปิดเผยล่าสุดของนายเซเลนสกี ระบุว่ายูเครนได้สูญเสียทหารไปแล้วราว 1,300 นายจากการสู้รบครั้งนี้ พร้อมยังเรียกร้องให้ชาติตะวันตกเข้ามาผลักดันการเจรจาสันติภาพให้มากกว่านี้
——————————-