กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ไม่ได้นิ่งนอนใจตามจับกุมกลุ่มคนร้ายเหตุความรุนแรงได้จำนวนมาก
ในห้วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอนที่ผ่านมา กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้เพิ่มความถี่ในการก่อเหตุโดยเฉพาะกับฐานปฏิบัติการทหาร ตำรวจและชุดคุ้มครองตำบล ที่อยู่ในจุดล่อแหลมยากต่อการป้องกันตนเอง โดยเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2566 เวลา 2020 คนร้ายได้ก่อเหตุใช้อาวุธสงครามลอบยิง และขว้างระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์เข้าใส่ฐานปฏิบัติการ หมวดเฉพาะกิจ หน่วยปฏิบัติการพิเศษนราธิวาส 21 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ บ้านปราลี หมู่ที่ 10 ตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส โดยใช้เวลาปฏิบัติการประมาณ 20 นาที แต่ความพยายามดังกล่าวไม่เป็นผล เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายในได้ทำการยิงตอบโต้ อีกทั้งผลจากการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุและมีการระวังป้องกันเป็นอย่างดี ทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงล่าถอยไป เหตุการณ์ในครั้งนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด วันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจุดที่คนร้ายใช้เป็นสถานที่ในการโจมตีรวมทั้งเก็บวัตถุพยานเพื่อดำเนินการตรวจสอบพบว่าในการปฏิบัติ กลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงเข้าใส่ฐานปฏิบัติการอย่างน้อย 10 กระบอก ทั้งปืน M 16 , AK 47 , AK 102 , HK 33 ,ปืนกลแบบ MINIMI และปืนกล M 60 นับรวมปลอกกระสุนขนาดต่างๆ ได้ 446 ปลอก กระเดื่องลูกระเบิดแสวงเครื่อง 20 ชิ้น และ ลูกระเบิดที่ไม่ทำงานอีก 3 ลูก ผลจากการตรวจพิสูจน์อาวุธปืนทั้งหมดพบว่า ใช้ก่อเหตุรุนแรงมาแล้วรวม 53 คดี มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ภายหลังเหตุการณ์ พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนหากลุ่มบุคคลที่กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด
จากแนวทางการสืบสวนรวมทั้งแหล่งข่าวในพื้นที่แจ้งว่าหลังก่อเหตุกลุ่มคนร้ายได้แยกย้ายกันหลบหนีไปซ่อนตัวในจังหวัดต่างๆ ทั้ง จังหวัดยะลา ปัตตานี หรือแม้กระทั่งยังคงหลบซ่อนในพื้นที่ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส
ต่อมาวันที่ 27 เมษายน 2566 หลังจากได้รับข้อมูลแน่ชัด เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบบ้านเช่าในพื้นที่ ตำบลสะเตง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา สามารถจับกุมกลุ่มผู้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่หลบหนีมาจากอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ได้ทั้งสิ้น 7 คน พร้อมตรวจยึดปืนกลมืออูซี่ที่คนร้ายได้มาจากการเข้าโจมตีฐานพระองค์ดำเมื่อปี 2554 รวมทั้งปืนพกอีก 2 กระบอกที่ได้มาจากการทำร้ายเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะแย่งชิงปืนไป พร้อมตรวจพบเครื่องกระสุนและอุปกรณ์ยังชีพในป่าอีกจำนวนหนึ่ง โดย 4 ใน 7 คนร้ายมีหมายจับรวมกันถึง 6 หมาย ซึ่งล้วนเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุความมั่นคงและเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ทั้งสิ้น
และเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 เจ้าหน้าที่ได้เข้าบังคับใช้กฎหมายต่อคนร้ายอีก 1 รายที่หลบหนีมาซ่อนตัวในบ้านเช่าเลขที่ 65 หมู่ที่ 7 ตำบลตะลุโบะ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี โดยเหตุการณ์ดังกล่าว คนร้ายไม่ยอมมอบตัว กลับยิงต่อสู้จนเสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดปืนพกขนาด .357 พร้อมเครื่องกระสุนชนิดต่างๆ ของคนร้ายได้จำนวนหนึ่ง จากการตรวจสอบพบว่า คนร้ายรายนี้ เป็นผู้มีหมายจับในคดีความมั่นคงจำนวน 1 หมายจาก เหตุการณ์ลอบวางระเบิดชุดลาดตระเวน กองร้อยทหารพรานที่ 4406 กรมทหารพรานที่ 44 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2559
ส่วนรายล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2566 เจ้าหน้าที่ได้เข้าบังคับใช้กฎหมาย ในบ้านเลขที่ 146/3 หมู่ที่ 5 ตำบลเรียง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ตรวจพบ นายซูกิฟลี ดือราฮิง ซึ่งเป็นบุคคลที่มีหมายจับในคดีความมั่งคง จำนวน 2 หมาย ตรวจยึด อาวุธปืน AK 102 พร้อมซองกระสุนอีก 4 ซอง จากการตรวจสอบพบว่าปืนกระบอกดังกล่าว คนร้ายได้มาจากการซุ่มโจมตี เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ขณะรักษาความปลอดภัยอยู่บริเวณโรงงาน Hand In Hand หมู่ที่ 5 ตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส โดยเหตุการณ์ในครั้งนั้นมีเจ้าหนี้ที่อาสาสมัครเสียชีวิตจำนวน 2 นาย และได้รับบาดเจ็บ 3 นาย
จะเห็นได้ว่าทุกๆ เหตุการณ์ที่กลุ่มคนร้ายได้ก่อขึ้น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่กลับเร่งระดมขีดความสามารถรวมทั้งบูรณาการแหล่งข่าวเข้าเกาะติดเป้าหมาย จนสามารถรู้แหล่งหลบซ่อน และติดตามเข้าจับกุมบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มคนร้ายได้ในที่สุด โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินกรรมวิธีทางกฎหมายต่อคนร้ายที่จับกุมได้ด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม และยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแสแหล่งหลบซ่อน จนนำไปสู่การจับกุมกลุ่มคนร้ายได้ในที่สุด ทั้งนี้ หากพบบุคคลหรือสิ่งของต้องสงสัยซึ่งจะนำไปสู่การก่อเหตุรุนแรง สามารถแจ้งได้ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงประจำพื้นที่ หรือหมายเลขสายตรง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หมายเลข 1341 หรือ หมายเลขโทรศัพท์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 หมายเลข 061-1732999 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง