.
เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ร.ต.อ.ชนะศึก โรจนพิทยากร รอง สว.(สอบสวน) สน.ยานนาวา รับแจ้งเหตุชายจับตัวประกัน ภายในโรงแรมแห่งหนึ่งซอยเจริญกรุง 44 แขวงและเขตบางรัก จึงประสานเจ้าหน้าที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) หรือ 191 เจ้าหน้าที่สายตรวจ และฝ่ายสืบสวน สน.ยานนาวา
.
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 คูหาติดกัน ประกอบกิจการโรงแรม ความสูง 4 ชั้น ที่บริเวณชั้นที่ 4 พบชายอายุประมาณ 35 ปี แต่งกายเสื้อยืดแขนสั้น สีดำ กางเกงยีนส์ขายาว ใช้อาวุธมีดยาวประมาณ 6 นิ้ว จี้คอชายอายุประมาณ 70 ปี สวมเสื้อยืดสีแดง กางเกงขาสั้นสีขาว เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการเกลี้ยกล่อม จนกระทั่ง ชายดังกล่าวยอมลงมาที่บริเวณชั้นที่ 1 แต่ยังคงใช้มีดจี้คอชายสูงอายุอยู่ จากนั้นชายดังกล่าวยังใช้มือล็อคคอและเอามีดจี้คอตัวประกันอยู่ได้เดินออกมานอกโรงแรม เพื่อหาทางหลบหนี แต่ในจังหวะที่กำลังเดินห่างจากโรงแรมเพียง 20 เมตร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ได้ใช้ปืนไฟฟ้ายิงใส่จากด้านหลังเข้าบริเวณหลังและเอวชายที่ก่อเหตุจนล้มลง ก่อนเข้าควบคุมตัวไว้ได้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายกำพล นากระโทก อายุ 31 ปี ส่วนชายสูงอายุที่ถูกจี้เป็นตัวประกันปลอดภัย
.
จากการสอบถาม นายวิชัย ศรีสด อายุ 56 ปี ตาของนายกำพล เปิดเผยว่า หลานชายตนเพิ่งออกจากคุกมาประมาณ 1 เดือนในคดีปล้นทรัพย์ ออกมายังไม่มีงานอะไรทำ ก่อนหน้านี้ 2 วัน หลานชายออกจากบ้านไป โดยบอกกับตนว่าจะไปหาแฟน จากนั้นขาดการติดต่อไปจนทราบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า หลานชายมาพักที่เกิดเหตุ เมื่อถามหลานก็บอกเช่าห้องอยู่ชั้น 3 ห้องเลขที่ 351 ในราคาคืนละ 600 บาท ไม่ได้คุยอะไรอีก จนมาทราบว่า หลานก่อเหตุจี้จับตัวประกัน ส่วนสาเหตุที่แแท้จริงนั้น ตนไม่ทราบ คงต้องรอถามจากหลาน ส่วนตัวตนคาดว่าน่าจะมีปัญหาและมีอาการเครียด
.
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัวชายที่ก่อเหตุและผู้ที่ถูกจี้เป็นตัวประกันไปตรวจร่างกายที่ รพ.เลิดสิน ก่อนจะนำตัวมาสอบปากคำที่ สน.ยานนาวา มาสอบปากคำ โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. เดินทางมาสอบปากคำด้วยตัวเอง ก่อนเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติ ของผู้ต้องหารายนี้เป็นชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในละแวกดังกล่าว เคยถูกจับกุมดำเนินคดี เกี่ยวกับการชิงทรัพย์และปล้นทรัพย์มากถึง 16 ครั้ง โดย 13 ครั้งแรก ก่อเหตุสมัยยังเป็นเยาวชน
.
พล.ต.ท.สำราญ กล่าวต่อว่า สำหรับมูลเหตุของการลงมือในครั้งนี้ทราบว่า เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้มาเช่าห้องพักบนชั้นที่ 3 ของโรงแรมดังกล่าวในราคาคืนละ 650 บาท ซึ่งโรงแรมที่ว่านั้นเป็นธุรกิจของทางผู้เสียหายและครอบครัว ซึ่งพักอาศัยอยู่ตามห้องภายในโรงแรมด้วยเช่นกัน กระทั่ง นายกำพล เสพยาเคเข้าไปจนเมา และสบโอกาสก่อเหตุชิงทรัพย์เด็กหญิง อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นหลานเจ้าของโรงแรม พักอาศัยอยู่ในห้องบนชั้นที่ 4 แต่ระหว่างที่นายกำพล ได้เงินแล้วนั้น ก็พยายาม จะลวนลามกระทำอนาจารเหยื่อ ทำให้เจ้าของโรงแรมได้ยินเสียง และขึ้นไปช่วยเหลือจนถูกนายกำพล ใช้มีดจี้ล็อกคอ เอาไว้ ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าควบคุมสถานการณ์และช่วยเหลือเอาไว้ได้ในที่สุด
.
มีรายงานพฤติการณ์การก่อเหตุของ นายกำพล ระบุว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานายกำพล ซึ่งพักอยู่บริเวณชั้นที่ 3 ได้ถือวิสาสะ นำคีย์การ์ด ผ่านประตูของผู้พักอาศัยที่วางอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ชั้นล่าง ขึ้นไปสุ่มตรวจสอบบนห้องพักชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นโซนพักอาศัยของผู้บริหารโรงแรมและญาติๆ กระทั่งสามารถเปิดห้องพักของ ด.ญ.แพรว (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี หลานของเจ้าของโรงแรมได้ โดยระหว่างนั้นเหยื่อพักอาศัยอยู่ในห้องเพียงลำพัง นายกำพล ได้ข่มขู่ชิงทรัพย์เอาเงินสด จากเหยื่อได้ราว 4,500 บาท
.
รายงานระบุอีกว่า เมื่อได้เงินแล้ว นายกำพล ยังจับเหยื่อมัดด้วยเชือกรองเท้า และพยายามลวนลามหมายจับข่มขืน ระหว่างนั้น ตาของเหยื่อ ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงแรม อายุ 87 ปี ได้ขึ้นไปบนห้องพักและได้ยินเสียง ร้องขอความช่วยเหลือของหลานสาว จึงเปิดห้องพักเข้าไปช่วยเหลือหลานสาวได้อย่างทันท่วงที แต่ผู้บริหารโรงแรมกลับถูกนายกำพลใช้มีดพับจี้คอไว้เป็นตัวประกัน โดยระหว่าง กำลังเจรจากับตำรวจอยู่นั้น นายกำพล ได้ร้องขอรถแท็กซี่ เพื่อหลบหนี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเรียกรถแท็กซี่มาให้ โดยจอดเอาไว้บริเวณด้านหน้าโรงแรม ต่อมานายกำพล ได้นำมีดจี้คอเหยื่อเดินลงจากโรงแรม มุ่งหน้าไปที่รถทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 จึงอาศัยจังหวะ ดังกล่าวใช้ปืนช็อตไฟฟ้า จำนวน 2 กระบอก ยิงใส่ร่างนายกำพล เพื่อหยุดยั้งและเข้าชาร์จจับกุมตัวได้ดังกล่าว
.
เบื้องต้น ผบช.น.สั่งการให้พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา แจ้งข้อหา ตามฐานความผิดที่เกี่ยวข้องทุกคดี อาทิ บุกรุก ชิงทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว และกระทำอนาจาร โดยหลังจากนี้จะคุมตัว นายกำพล เอาไว้สอบปากคำก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ขณะเดียวกัน ยังสั่งการให้ พล.ต.ต.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผบก.น.6 และ พ.ต.อ.วุฒิชัย ไทยวัฒน์ รอง ผบก.น.6 ดำเนินการสอบปากคำ ร.ต.อ.ธวัชชัย พันธ์จิ๋ว รอง สว.งานสายตรวจ 2 บก.สปพ.บช.น. นายตำรวจซึ่งตัดสินใจใช้ปืนยิงไฟฟ้า ช็อตใส่นายกำพล ก่อนเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้โดยไม่เกิดการสูญเสีย
.
พล.ต.ท.สำราญ กล่าวย้ำว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียนของคดีจี้ชิงตัวประกัน โดยเคสนี้จะนำไปเป็นตัวอย่างให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ต้องประสบกับเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้ เพื่อการตัดสินใจในการเข้าคลี่คลายสถานการณ์ โดยเกิดส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนให้น้อยที่สุดต่อไป