วันที่ 23 พ.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการชีวิตของสุนัข (พี่เตี้ย มช.) หายไปจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 พ.ค.63 ซึ่งได้รับรายงานจาก สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ ว่า วันนี้ (23 พ.ค.63) นายเดชา กิตติวิทยานันท์ (ทนายเดชา) และผู้แทนจากกลุ่มองค์กรด้านพิทักษ์สุนัขและสัตว์ WATCHDOG THAILAND พร้อมกลุ่มดาราผู้รักสุนัข ได้นำตัวนายสมศักดิ์ฯ อายุ 71 ปี ซึ่งแสดงตัวเป็นเจ้าของสุนัขเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้ต้องสงสัย ในข้อหา ทารุณกรรมสัตว์และลักทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ นำสุนัข (เตี้ยมช.) ออกไปจากพื้นที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เบื้องต้นเจ้าหน้าตำรวจได้รับคดีนี้ไว้แล้ว และทำการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างรวมรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ พร้อมสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอย่างละเอียด เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงและความผิดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การพิจารณาตั้งข้อหาผู้ต้องสงสัยนั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวนโดยจะพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ปรากฎตามพยานหลักฐานประกอบกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งคลี่คลายข้อสงสัยให้สิ้นกระแสความในทุกประเด็น ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดและดำเนินการด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทนาย เดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความที่ปรึกษา และทีมเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิตัวแทนมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ WDT รวมถึงนายสมศักดิ์ ไชยวงค์ อายุ72ปี อดีตพนักงานรักษาความปลอดภัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เจ้าของ”พี่เตี้ยมช .” สุนัขเซเลป อายุ 8 ปี เดินทางมาพร้อมกับ “แม่ถุงเงินอายุ 11 ปีสุนัขพันธ์ผสมบีเกิ้ล แม่ของพี่เตี้ยที่แขวนป้ายห้อยคอ มีข้อความทวงถามความยุติธรรมว่า ”ฆ่าลูกฉันทำไม” นอกจากนั้นยังมี ดร. สุรินทร์ เมทะนี ลูกชายพระเอกตลอดกาล”สมบัติ เมทะนี” ที่ปรึกษามูลนิธิวอชด็อก และ นายวิริยะ พงษ์อาจหาญ หรืออุ๊ปนักปั้นมือทอง พร้อมแฟนคลับพี่เตี้ยเดินทางมาให้กำลังใจจำนวนมาก โดยมี พ.ต.อ.รณชัย รอดลอย ผกก.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ และพนักงานสอบสวนเป็นผู้รับแจ้งความ
ทนายเดชา เปิดเผยว่า ที่เดินทางมาวันนี้เนื่องจากทาง คุณลุงสมศักดิ์ ซึ่งเป็นเจ้าของพี่เตี้ยนั้นจะประสงค์แจ้งความข้อหา”ลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะในเวลากลางคืน”กับผู้ต้องสงสัยที่พาตัวพี่เตี้ย ไป เพราะก่อนหน้านี้มีแต่การกล่าวหายังไม่มีเจ้าของที่แท้จริงแสดงตัวเป็นเจ้าทุกข์ในการแจ้งความเมื่อเจ้าของประสงค์แจ้งทางเราก็ได้พามานอกจากแจ้งข้อหานี้แล้ว ซึ่งมีโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 5ปีขึ้นไป ส่วนข้อหาทารุณกรรมสัตว์นั้น ถ้าหากจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มก็ต้องรอผลชันสูตรบาดแผลจากทางสัตวแพทย์ก่อน
นายสมศักดิ์ เจ้าของพี่เตี้ย เปิดเผยว่า ในอดีตเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เลี้ยงสุนัขพันธุ์ลูกผสม”บีเกิ้ล”พี่น้องเจ้าเตี้ยนั้นมีทั้งหมด 5 ตัว ลูกของ”แม่ถุงเงิน” โดยเจ้าเตี้ยนั้นเดิมชื่อ”ช้าง”เกิดเมื่อเดือน ก.พ. ปี 2555 ต่อมาตนเกษียน จึงเปิดบ้านขายลูกชิ้นทอดอยู่ติดร้านสะดวกซื้อย่านเจ็ดยอด ซึ่งทุกวันก็จะมีนักศึกษาแวะเวียนมาซื้อลูกชิ้นแล้วก็จะแบ่งลูกชิ้นมาให้เจ้า”ช้าง”กินตลอด ทำให้เจ้าช้างติดใจวิ่งตามนักศึกษาไปอยู่ใน มช. ไปนอนศาลาธรรม ช่วงแรกๆก็ไปๆมาๆระหว่างบ้านพักกับมช.ตลอด จนสุดท้ายเจ้าช้างไม่ยอมกลับบ้าน ต่อมานักศึกษาได้เปลี่ยนชื่อเรียกว่า”พี่เตี้ย” ก่อนเกิดเหตุตนไม่สบายผ่าตัดขาจึงไม่ได้ไปหามัน มาทราบข่าวอีกว่าหายไปกระทั่งมาพบซากเป็นศพขึ้นอืด
ตนรู้สึกเสียใจและไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์ร้ายๆจะเกิดขึ้นกับครอบครัวของตน ทั้งภรรยา และหลานก็มาเสียชีวิตในวันที่ 7 กันหมด ซึ่งตนยังทำใจไม่ได้ต้องการถามว่าคนที่ทำร้ายเตี้ยจนตายนั้นจิตใจทำด้วยอะไร ดังนั้นวันนี้จึงเข้าแจ้งความและพร้อมให้ตำรวจพิสูจน์ว่าตนเป็นเจ้าของเจ้าเตี้ยตัวจริงจะแจ้งความดำเนินการตามกฏหมายเอาผิดคนที่ฆ่าเจ้าเตี้ยให้ถึงที่สุด ขณะที่ พ.ต.อ.รณชัย กล่าวว่า ขณะนี้ ทางตำรววจ สภ. ภูพิงคราชนิเวศน์ได้มีการรับแจ้งความแล้วก่อนที่ะจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดนำเรียน ผู้บังคับการตำรวจภูธรเชียงใหม่เนื่องจากคดีของ สภ. ช้างเผือกและ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ เป็นคดีเดียวกัน อาจจะโอนมาที่ สภ. ภูพิงคราชนิเวศน์ทั้งหมด เพื่อง่ายต่อการสอบสวน หลังจากนั้นเมื่อได้พยานหลักฐานครบถ้วนก็จะเรียก ส.ต.ท.ผู้ต้องสงสัยมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป.