#จับได้แล้ว !!! “ดาบตำรวจบางเขน” ชักปืนขู่ไฟแนนซ์ตามยึดรถเมียเบี้ยวส่งค่างวด 2 ปี ยันมีใบอนุญาตพกพา
จากกรณีเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ V.4 โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพและคลิปวิดีโออธิบายเหตุการณ์ของพนักงานเร่งรัดหนี้สินกำลังเข้าตรวจยึดรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซ หมายเลขทะเบียน ฌอ 2979 กรุงเทพมหานคร กระทั่งมีชายไม่ทราบชื่อไม่สวมเสื้อใส่ แต่กางเกงขายาวสีครีมไม่สวมรองเท้า เดินถือปืนออกจากบ้านหลังหนึ่งแล้วขึ้นไปที่นั่งคนขับก่อนขับรถคันดังกล่าวออกไป
ต่อมาวันที่ 7 พ.ค. นางพัชรินทร์ จันทร์ศิริ และนางดาวรุ่ง สายทองคำ หญิงที่ปรากฏในคลิปซึ่งเป็นพนักงานเร่งรัดหนี้สินได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว เพื่อเอาผิดชายในคลิปซึ่งอธิบายไว้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ในหมู่บ้านตะวันนา ย่านสายไหม ได้เดินทางไปพร้อมทีมงานประมาณ 4 คน เพื่อเข้าไปทวงถามการค้างค่างวดผ่อนรถซึ่งไม่มีการจ่ายประมาณ 2 ปี ขณะที่ทำการพูดคุยนั้น หญิงดังกล่าวที่เป็นผู้ขับรถในขณะนั้นได้โทร.เรียกสามีให้ออกมาซึ่งชายดังกล่าวพกพาอาวุธปืนดังกล่าวตามลักษณะในคลิป
ล่าสุด วันนี้ (8 พ.ค.) ที่ สน.คันนายาว พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าชายที่ปรากฏในคลิป คือ ด.ต.เอกฉัตร สมสิริ ผบ.หมู่สืบสวน สน.บางเขน จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่าวันเกิดเหตุ ด.ต.เอกฉัตรได้ออกเวรจากการปฏิบัติหน้าที่และได้นอนพักผ่อนอยู่ภายในบ้านพัก ต่อมา น.ส.นพวรรณ จีระ อายุ 34 ปี ภรรยาได้มาเรียกว่ามีคนมาล้อมปล้นจะเอารถไป ขณะที่ ด.ต.เอกฉัตรหลับอยู่จึงตกใจ ไม่รู้ว่าบุคคลที่เอารถมาเป็นใครจึงนำปืนพกติดตัวไปด้วย โดยขณะที่ออกมาไม่ทราบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นใคร ไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากไฟแนนซ์จริงหรือไม่เนื่องจากไม่มีการแจ้งเอกสารแสดงตน ด้วยความกลัวจึงได้ตัดสินใจนำปืนออกมาด้วย ซึ่งการจ่ายค่าผ่อนรถนั้นตนไม่ทราบว่าค่าดอกเบี้ยไฟแนนซ์ที่ภรรยาเลือกมันจะสูงถึงขนาดนี้ อีกทั้งให้เงินภรรยาไปจ่ายทุกเดือน
พ.ต.อ.สิงห์เผยต่อว่า ทั้งนี้คดีดังกล่าวต้องแบ่งออกเป็น 2 กรรม 2 วาระ ส่วนแรกในคลิปมีการใช้อาวุธปืนข่มขู่ จากการตรวจสอบกับผู้บังคับบัญชาของ ด.ต.เอกฉัตร พบว่าการครอบครองอาวุธปืนมีใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืนถูกต้อง รวมทั้งมีใบอนุญาตพกพาที่ทางผู้บังคับบัญชาออกให้ไว้ชั่วคราวสำหรับปฏิบัติหน้าที่ โดยทาง ด.ต.เอกฉัตรได้นำอาวุธปืนพร้อมเอกสารหลักฐานมามอบให้พนักงานสอบสวนแล้ว ในส่วนนี้จะดำเนินการเตรียมแจ้งข้อหาผู้ใดทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 392 แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 6 แห่งประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 22) ต่อ ด.ต.เอกฉัตร
พ.ต.อ.สิงห์เผยต่อไปว่า ขณะเดียวกัน น.ส.นพวรรณ ได้เข้ามาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนในส่วนของคดีแพ่งที่มีการผิดสัญญาการซื้อขายซึ่งยอมรับว่ามาการขาดส่งจริง โดยทาง น.ส.นพวรรณระบุว่าพนักงานเร่งรัดหนี้สินไม่ได้แสดงบัตรแต่อย่างใด โดยได้ขอให้ทางพนักงานสอบสวนตรวจสอบว่ามีการติดตามยึดรถถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่ รวมถึงการโพสต์ข้อความประจานลูกหนี้ ผู้ทวงหนี้สามารถทำได้หรือไม่ การจะยึดรถของไฟแนนซ์ต้องกระทำตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2555 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค และขณะนี้มี พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 เรื่องการนำข้อมูลของลูกหนี้ไปเผยแพร่โพสต์ข้อความประจานลูกหนี้ เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 11 ห้ามผู้ทวงถามหนี้กระทำการทวงถามหนี้ วรรค (1) การข่มขู่ การใช้ความรุนแรง หรือการกระทำอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของลูกหนี้หรือผู้อื่น มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และวรรค (3) การแจ้งหรือเปิดเผยเกี่ยวกับความเป็นหนี้ของลูกหนี้ให้แก่ผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทวงถามหนี้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำนักข่าว vihoknews รายงาน