เมื่อวันที่ 23 กันยายน มีการปล่อยแถวกองกำลังร่วมตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง รวมกว่า 400 นาย เพื่อเข้าตรวจสอบสถานที่โดยรอบพื้นที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 44 บนถนนสาย 42 หมู่ 1 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บ 5 นาย
โดยเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังเป็นรูปหน้ากระดาน เดินตรวจสอบเพื่อค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม และนำไปสู่การติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี นอกจากนี้ยังมีการแบ่งกำลังอีกส่วนหนึ่งออกเป็น 10 ชุด ทำการบุกจู่โจมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายสำคัญ ซึ่งเคยได้รับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้านว่าอาจเป็นสถานที่ซ่องสุมของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ
…..■พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี กล่าวว่า ทางการข่าวรวมทั้งพยานหลักฐานยืนยันว่ากลุ่มก่อเหตุเป็นฝีมือของกลุ่ม นายยาการียา บาโง ซึ่งมีประวัติเคยก่อเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ อส.เสียชีวิตใน อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี เมื่อหลายเดือนก่อน
…..■อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุได้ตรวจสอบจนพบประเด็นสิ่งที่น่าสงสัยคือเรื่องพื้นที่เกิดเหตุ เพราะปกติเจ้าหน้าที่จะระวังท่อลอดมาโดยตลอด แต่ที่เกิดเหตุมีลักษณะเหมือนคอสะพานที่ก่อสร้างเสร็จแล้วแต่ใช้ดินกลบก็เลยเป็นช่องทางให้คนร้ายฉวยโอกาส ฉะนั้นต้องมีคนที่รู้เห็นกับการก่อเหตุครั้งนี้และสามารถชี้จุดให้คนร้ายมาก่อเหตุ และได้เชิญคนงานทั้งหมดไปสอบสวน ปรากฏว่าพบ 2 คนมีพิรุธ ตอนนี้ก็ได้ใช้อำนาจตามกฏอัยการศึกเชิญตัวไปยังศูนย์ซักถามเพื่อสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ปรากฏว่า เมื่อตรวจสอบประวัติทั้ง 2 คน ก็พบว่าเคยร่วมก่อเหตุลอบวางระเบิดในปี 2558 แต่ครั้งนั้นพยานหลักฐานไม่เพียงพอจึงต้องปล่อยตัวไป และยิ่งสงสัยอีกพบว่าพึ่งเข้ามาทำงานไม่ถึง 10 วัน ครั้งนี้เราจึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้มากขึ้น เบื้องต้นอาจจะเข้ามาแฝงตัวเข้ามา สำหรับการปฏิบัติการณ์ครั้งนี้ เรามีข้อมูลของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ก่อเหตุ เนื่องจากข้อมูลและเบาะแสทราบว่าคนร้ายหลังก่อเหตุจะมีการหลบซ้อนตัวในพื้นที่ไม่สามรถหลบหนีออกไปได้เพราะถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อม และวันนี้คาดว่าน่าจะเตรียมการหลบหนี ซึ่งก็ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องมีการปฏิบัติการณ์ไล่ล่าโดยการปิดช่องว่างทุกพื้นที่่
ที่มา แนวหน้า
สำนักข่าววิหคนิวส์