19 เม.ย.62- นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำอดีตพรรคไทยรักษาชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chaturon Chaisang ระบุว่า การดำเนินคดีอ.ปิยบุตรเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรม
การดำเนินคดีกับอาจารย์ปิยบุตรในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างไม่เป็นธรรมต่อผู้ที่เห็นต่างจากคสช.และรัฐบาล ที่เกิดขึ้นแล้วเป็นจำนวนมากเท่านั้น แต่การดำเนินคดีครั้งนี้ยังมีความหมายมากว่านั้นอีกมาก
นั่นก็คืออาจารย์ปิยบุตรเป็นผู้ที่กำลังได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเป็นเลขาธิการพรรคการเมืองที่กำลังร่วมกับพรรคการเมืองอีกที่มีแนวโน้มจะได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรและกำลังอยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล
การดำเนินคดีครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงเป็นการกลั่นแกล้งบุคคลไม่ให้ได้รับความเป็นธรรมจากการบังคับใชกฎหมาย แต่ยังเป็นการพยายามใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคการเมืองต่างๆที่มีแนวโน้มจะได้เสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล เท่ากับเป็นการพยายามบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนที่รว่มกันแสดงออกในการเลือกตั้งเมือวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมาด้วย
การที่บุคคลมีความเห็นต่างจากคำพิพากษาของศาล หากวิจารณ์อย่างเหมาะสมย่อมกระทำได้ หากอ่านแถลงการณ์ฉบับนี้ด้วยใจเป็นธรรมแล้วก็จะพบว่าแถลงการณ์ฉบับนี้มีเนื้อหาเป็นการวิเคราะห์วิจารณ์กระบวนการทางการใช้กฎหมายกับการเมืองในภาพรวมในหลายปีที่ผ่านมา เป็นการแสดงความเห็นในทางอุดมการณ์และหลักการ ด้วยความรู้ความเข้าใจทางนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์
ทั้งยังได้มีข้อเสนอที่เป็นทางออกแก่สังคมได้แก่การแก้รัฐธรรมนูญและการออกเสียงเลือกตั้งซึ่งเป็นวิธีการหรือกระบวนการที่สอดคล้องกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยทุกประการ หาได้เป็นการวิจารณ์การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีการยุบพรรคไทยรักษาชาติโดยตรงหรือโดยเฉพาะเจาะจงแต่อย่างใด
ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องฝ่าฝืนพรบ.คอมพิวเตอร์ซึ่งหมายถึงการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นการปลุกปั่นยุยงให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงหรือเกิดความตื่นตระหนกนั้น ก็คล้ายกับการตั้งข้อกล่าวหาแบบเดียวกันนี้กับผู้เห็นต่างจำนวนมากคือไม่มีมูลอะไรเลย
เรื่องนี้มาจากแถลงการณ์ฉบับเดียว ใครๆก็หาอ่านได้ ในแถลงการณ์นี้ในเรื่องข้อเท็จจริงไม่มีอะไรเท็จ เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการแสดงความเห็นซึ่งจะว่าเท็จหรือจริงไม่ได้ มีแต่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเท็จ ที่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่คือแถลงการณ์ฉบับนี้เสนอให้คนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เพื่อไปสู่ทางออกในการทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย จึงไม่มีอะไรเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือทำให้ประชาชนตื่นตระหนกหวาดกลัวอะไรได้เลย
ยังมีข้อน่าสงสัยว่าในการตั้งข้อหาทั้งสองโดยเฉพาะข้อหาหมิ่นศาลนั้น เป็นการเหมาะสมแล้วหรือไม่ที่เจ้าหน้าที่คสช.มาผู้แจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดี เพราะเป็นที่ปรากฏอยู่เสมอว่าเจ้าหน้าที่คสช.มักนำเรื่องที่ไม่มีมูลไม่มีพยานหลักฐานหรือไม่มีเหตุผลที่เหมาะสมใดๆมากล่าวโทษผู้เห็นต่างกับคสช.หรือนายกรัฐมนตรีอยู่เนืองๆ
และก็มักปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มักไม่ได้ตรวจสอบให้ดีเสียก่อนหรือบางครั้งสอบสวนแล้วไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอแต่ก็ต้องฟ้องไปก่อนเนื่องจากผู้ที่มาแจ้งความได้รับคำสั่งมาจากคสช. ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าขณะนี้หัวหน้าคสช.เองก็เป็นผู้ที่กำลังแข่งขันที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ด้วย.
Cr.thaipost
สำนักข่าววิหคนิวส์