จุฬาราชมนตรีหวั่นสร้างความแตกแยก เตือน‘ผู้รู้’วิจารณ์ศาสนาอื่นขัด‘อัลกรุอาน’
จากกรณีนายวีรชน ศรัทธายิ่ง หรือ “โต” อดีตนักร้องนำวง “ซิลลี่ฟูล” ได้จัดรายการโต-ตาลกับพิธีกรคู่หู และมีการตอบคำถามจากทางบ้าน “ทำไมอิสลามไม่มีรูปปั้นของพระเจ้า เหมือนชาวพุทธไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ” โดย “โต” ได้ตอบคำถามตอนหนึ่งว่า “การเป็นพระเจ้า 1 ข้อแม้คือต้องไม่เหมือนสิ่งใดที่พระองค์สร้าง เพราะฉะนั้นทุกสิ่งที่ท่านปั้นไม่มีทางเหมือนพระองค์ พระองค์ยิ่งใหญ่เกินจินตนาการของมนุษย์ที่จะสามารถจับพระองค์ได้ นี่คือพระเจ้า ในฐานะผู้ศรัทธา ผมจะไม่กราบสิ่งใดที่ต่ำเท่าผม หรือต่ำกว่าผม รูปปั้นผลักก็ตกแตกแล้ว มันต่ำกว่าผมและมันไม่มีชีวิต”
“มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ ผมจะไหว้ทำไมกับสิ่งที่ไม่มีชีวิต แต่มีรูปร่างอัปลักษณ์กว่าผม ปั้นให้ตายก็หล่อสู้ผมไม่ได้ จริงๆ อันนี้พูดไม่อายปากเลย ปั้นให้ตายก็หล่อสู้ผมไม่ได้ เอาคนที่ปั้นเก่งที่สุดเลย แววตายังไม่มีเลยรูปปั้น และผมจะไหว้ บางคนมีศาลพระภูมิหน้าบ้าน บ้านมันเล็กกว่าผม และผมยังต้องไปกราบไหว้อีกเหรอ มันต่ำกว่าผมและผมต้องไหวเหรอ”
หลังจากตอบคำถามดังกล่าว ก็กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง และล่าสุดนายวีรชนได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการข่าวทางช่องอัมรินทร์ทีวี โดยยืนยันว่า เนื้อหาที่เขาพูดในรายการพูดถึงการปฏิบัติของตัวเขาในฐานะมุสลิม และไม่ได้พูดถึงผู้นับถือศาสนาอื่น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 เม.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กของสำนักจุฬาราชมนตรี ได้เผยแพร่คลิปแถลงของนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ซึ่งเป็นการชี้แจงและเตือนสติเกี่ยวกับการเผยแพร่ศาสนาอิสลามด้วยการบริภาษความเชื่อของเพื่อนต่างศาสนิกในสังคมไทย มีใจความว่า “วันนี้มีเรื่องที่ไม่ค่อยสบายใจ เนื่องจากว่ามีผู้ที่ทำตัวเป็นผู้รู้ศาสนานั้น ได้พูดในเชิงวิพากษ์หรือบริภาษศาสนาอื่น ทำให้เกิดความไม่สบายใจว่าทำไมอิสลามถึงกล่าวร้ายอย่างนั้นหรือ แต่ความจริงอิสลามห้ามบริภาษ หรือวิจารณ์คนศาสนาอื่น หรือคนที่นับถือศาสนาอื่น
ทั้งนี้ ปรากฏในคัมภีร์อัลกุรอานว่า สูเจ้าอย่าได้วิพากษ์กลุ่มคนที่เรียกร้องสิ่งอื่นนอกจากอัลเลาะฮ์ เพราะเขาจะกลับมาบริภาษอัลเลาะฮ์” ดังนั้น เราอยากจะขอเตือน ขอฝากกับผู้รู้ หรือผู้ที่ทำตัวเป็นผู้รู้ศาสนา ให้ระมัดระวังในสิ่งเหล่านี้เพราะอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งทางสังคม เป็นวิธีการที่ขัดแย้งกับคำสอนในอัลกรุอ่านที่ห้ามบริภาษหรือวิจารณ์ศาสนาอื่น
นายอาศิส กล่าวต่อว่า การเผยแพร่อิสลามในประเทศไทย ควรจะต้องกระทำด้วยความระมัดระวังและเคารพ และให้เกียรติคนอื่น จึงขอทำความเข้าใจกับพี่น้องโดยทั่วไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่หลักคำสอนของอิสลาม แต่เป็นหลักปฏิบัติที่ฝ่าฝืนคำสอนของอิสลาม เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ก็ขอฝากไปยังนักวิชาการที่พูดผ่านทางสื่อต่างๆในขณะนี้ จงระมัดระวัง จงปฏิบัติตนตามหลักคำสอนอัลกุรอาน เพราะคำพูดของท่านไม่กี่ประโยคนั้น อาจจะนำไปสู่ความสูญเสียแก่อิสลามและมุสลิมในประเทศไทย จะนำไปสู่ความแตกแยก อิสลามห้ามไม่ให้บริภาษหรือวิจารณ์ศาสนาอื่น
“ในอิสลามอัลกรุอานก็สอนอยู่แล้วว่า “สูเจ้าจงเรียกร้องเชิญชวนไปสู่ศาสนาของอัลเลาะห์ด้วยวิทยปัญญา” การเผยแพร่ศาสนาอิสลามในสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างสังคมไทย จะต้องมีความรอบคอบ สุขุม และมีความเคารพต่อคนอื่นและศาสนาอื่น ข้อเสนอและคำแนะนำคงจะเป็นประโยชน์แก่ท่านทั้งหลาย
“นักพูดนักบรรยายทั้งหลายต้องเก็บไปคิด เดินไปสู่แนวทางที่อิสลามสอนคือต้องเชิญชวนด้วยวิทยปัญญา ด้วยบทเรียนและคำสอนอันดีงาม ไม่ใช่ไปบริภาษ ไม่ใช่ไปกล่าวร้าย อันอาจจะนำไปสู่ความแตกแยกอย่างใหญ่หลวงทางสังคม จึงขอให้ตระหนักถึงความสำคัญ และความร้ายแรงของเรื่องนี้ด้วย” จุฬาราชมนตรี กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณคลิปจาก Chanwit Mardsoh
Cr.naewna
สำนักข่าววิหคนิวส์