วันที่ 6 กันยายน 2564 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์การติดเชื้อประจำวันว่า ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 พบผู้ป่วยรายใหม่ 13,988 ราย หายป่วยแล้ว 1,105,432 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,265,659 ราย และเสียชีวิตสะสม 12,948 ราย
ส่วนข้อมูลสะสมตั้งแต่ปี 2563 มีหายป่วยแล้ว 1,132,858 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,294,522 ราย เสียชีวิตสะสม 13,042 ราย
ยอดป่วยหนักยังเพิ่ม 4,601 ราย
และวันนี้มีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่จำนวน 148,622 ราย อยู่ในรพ. 44,954 ราย อยู่ในรพ.สนามและอื่น 103,668 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยอาการหนัก 4,601 ราย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,013 ราย
สำหรับผู้ขอรับการฉีดวัคซีน ณ วันที่ 5 กันยายน 2564 มีผู้รับการฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 จำนวน 129,317 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 195,241 ราย เข็มที่ 3 จำนวน 660 ราย และระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 5 กันยายน 2564 มีผู้รับวัคซีนสะสมทั้งหมด จำนวน 35,912,894 โดส
ส่วนสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก ข้อมูลวันจันทร์ที่ 6 กันยายน 2564 เวลา 10.00 น. ยอดผู้ติดเชื้อรวม 221,542,850 ราย อาการรุนแรง 105,498 รายรักษาหายแล้ว198,036,657 ราย เสียชีวิต 4,581,744 ราย
และอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด อันดับ1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 40,805,259 ราย 2. อินเดีย จำนวน 33,027,136 ราย 3. บราซิล จำนวน 20,890,779 ราย 4. รัสเซีย จำนวน 7,012,599 ราย 5. สหราชอาณาจักร จำนวน 6,978,126 ราย
ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 29 ของโลกจากจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,294,522 ราย
นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบจำนวนผู้ป่วยรายวันในภาพรวมของประเทศกับพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล กับพื้นที่ในต่างจังหวัดล่าสุดพบว่า กราฟเริ่มปักหัวลง
โดยภาพของกรุงเทพฯกับต่างจังหวัดภาพจะคล้ายๆกันแล้ว ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับทั้งประเทศ โดยทั้งประเทศมีผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 13,527 ราย เป็นพื้นที่ต่างจังหวัด (71 จังหวัด) 7,701 ราย หรือ 56% และเป็นของกทม.-ปริมณฑล 5,826 ราย หรือ คิดเป็น 44%
จับตา 2 สัปดาห์ข้างหน้า
ตรงนี้บอกอะไรบ้าง ซึ่งตนเองเคยนำภาพการคาดการณ์หรือฉากทัศน์ ผลของมาตรการล็อกดาวน์ หรือเส้นสีเขียวที่เราอยากให้เป็น คือทำตามมาตรการล็อกดาวน์ หรือกึ่งล็อกดาวน์ เวิร์ค ฟรอม โฮม ลดค่า R ลงได้ 25% ฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมาย ปรากฎว่าลดจำนวนผู้ป่วยลงมาได้ แต่ทั้งหมดเกิดจากมาตรการที่เข้มข้นในการร่วมมือกัน ทั้งการลดกิจการ กิจกรรม ทั้งภาคเอกชน ภาคประชาชนที่ร่วมมือกันเป็นอย่างดี
ซึ่งวันนี้หลังเริ่มมาตรการล็อกดาวน์ เส้นสีส้ม(ตามกราฟ) ลงมาต่ำกว่าเส้นสีเขียว ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ถ้าตอนนี้เราผ่อนคลายมาตรการ ซึ่งระยะเวลาจะไปถึงประมาณวันที่ 14 กันยายนนี้ และจะมีการประชุมว่าจะคงมาตรการกันต่อหรือไม่
เตือนต้นตุลาคม ยอดป่วยใหม่พุ่ง 3 หมื่นรายต่อวัน
นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวว่า ต้องบอกว่ากราฟเส้นสีส้มวันนี้คือสิ่งที่เป็นจากการทำงานกันอย่างหนักของทุกคน ของผู้ประกอบการ ภาคประชาชนที่เสียสละกันปิดร้านมาเมื่อ 2 สัปดาห์แล้ว จึงได้เห็นเส้นสีส้มของวันนี้ แต่ ณ วันนี้เรามีการปรับมาตรการ ภาษาของทางสื่อคือการผ่อนคลายแล้ว ก็เลยเห็นบรรยากาศของคนที่เข้าห้างฯ อยากไปซื้อข้าวของ รวมทั้งออกไปทำธุรกิจต่าง ๆ เยอะแยะมากมาย
เพราะฉะนั้น ตรงนี้ก็ขอให้ท่านดูแลตัวเองให้เป็นอย่างดี เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ท่านจะเห็นปลายเส้นของเส้นสีเขียว ซึ่งตามคาดการณ์เขาบอกว่ามันจะมีแรงเฉื่อยได้ถึงปลายเดือนกันยายนนี้ และเมื่อไปถึงต้นเดือนตุลาคม เส้นเหล่านี้จะพุ่งขึ้น หมายความว่าจะมีคนไข้ที่ป่วยขึ้นมากขึ้นกว่านี้อีก
“ตรงนี้แหล่ะที่ผมบอกว่าน่ากลัว เพราะถ้าคุมไม่ดีจะไปแตะที่ 3 หมื่นราย/วันได้เหมือนกัน นี่คือการคาดการณ์จากทีมของกระทรวงสาธารณสุขที่แจ้งมา ผมก็มีหน้าที่สื่อสารขอความร่วมมือทุกคนได้กรุณาช่วยกัน การ์ดอย่าตกในทุกกิจกรรม นี่คือสิ่งที่ท่านต้องไปทำ เตือนกันไว้ตั้งแต่นี้” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว และว่า
ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจะไม่เพิ่มเท่าจำนวนผู้ติดเชื้อ เนื่องจากได้มีการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้นจากเดิมแล้ว
10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด กทม.ยังนำโด่ง
ส่วน 10 อันดับรายใหม่ วันนี้กทม. 3,610 ราย รวมป่วยสะสม 301,383 ราย รองลงมาเป็นสมุทรปราการ 868 ราย สมุทรสาคร 711 ราย ชลบุรี 703 ราย เพชรบูรณ์ 488 ราย ระยอง 464 ราย นนทบุรี 300 ราย อยุธยา 294 ราย นครราชสีมา 278 ราย และราชบุรี 267 ราย
“มีหลักพันรายอยู่ที่เดียวคือกทม. ซึ่งวันนี้เราก็ได้พูดคุยกันพอสมควร จะเห็นว่าภาพของกทม.ยังทรงๆอยู่” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว
ส่วนผู้เสียชีวิตจำนวน 187 รายในวันนี้ อยู่ในกทม. 24 ราย ซึ่งลดลงค่อนข้างมาก และหลายจังหวัดอยู่ในตัวเลขหลักเดียว ที่เหลืออยู่ที่สมุทรสาคร ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ นนทบุรี รวม 53 ราย ชัยภูมิ มหาสารคาม อุบลราชธานี นครราชสีมา รวม 6 ราย (ตามตาราง)
“แต่ภาพยังคงซ้ำเดิม ๆ คือผู้สูงอายุและ 7 โรคเรื้องรังคิดเป็นสัดส่วนถึง 92% ของผู้เสียชีวิตในวันนี้ และวันนี้มีเด็กเสียชีวิตด้วย 1 ราย อยู่ที่จังหวัดตาก อายุ 13 ปี รายนี้มีโรคประจำตัว” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าว
และวันนี้มีผู้เสียชีวิตที่บ้าน 1 ราย อายุ 44 ปี อยู่ที่จ.ระยอง
ตัวเลขวันนี้ กิน”บุญเก่า” 2 สัปดาห์ก่อน
นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าที่จะมีการประชุมศบค.ชุดใหญ่ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ก็จะมีการดูตัวเลขต่างๆในรอบ 14 วันที่ผ่านมานำมาประกอบด้วย
“ผมก็อยากจะฝากทุกท่านว่า วันนี้เรากินบุญเก่าของ 2 สัปดาห์ที่แล้ว และถ้าวันนี้เราจะต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะมีผลไปอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อให้กิจการ กิจกรรมต่าง ๆ ที่สื่อบอกว่าเป็นการผ่อนคลาย แต่ผมก็อยากบอกว่าเป็นการปรับมาตรการ ขอให้ท่านการ์ดอย่าตก ซึ่งมีคำขยายความไม่ว่าจะเป็น universal prevention เรื่องของบับเบิ้ลแอนด์ซีลด์ อะไรทั้งหลายแหล่ มีศัพท์ต่าง ๆ มากมาย แต่ที่สุดแล้วถ้าท่านทุกคนมีสุขอนามัยอย่างดี ดูแลตัวเอง ซึ่งเราไม่อยากให้กราฟสีเขียวพุ่งขึ้นมาและทำให้เกิดติดเชื้อวันละ 3 หมื่นคนอีก” นายแพทย์ทวีศิลป์กล่าวในตอนท้าย และว่า
ขณะนี้ทฤษฎีด้านการแพทย์ที่จะกำจัดโรคนี้ไปเป็นศูนย์ ไม่ได้หวังอย่างนั้นแล้ว ว่าจะกำจัดโควิด-19ไปได้ ซึ่งก็จะเหมือนกับ วัณโรค ไข้หวัดใหญ่ ที่จะต้องอยู่คู่กับโลกนี้ ซึ่งโควิด-19 ก็เช่นเดียวกัน