จ่อฟัน! ร้านกาแฟโป่งแยง บรรยากาศสุดชิล ตั้งค่อมลำห้วยกลางป่า โลกโซเชียลแชร์ว่อนห่วงทำลายธรรมชาติ ด้าน จนท.ทุกหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งป่าไม้,ที่ดิน,ทสจ. และฝ่ายปกครองเตรียมบูรณาการตรวจสอบรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่
9 มกราคม 2560จากกรณีที่ผู้ใช้ยูทูป(YouTube) ชื่อ “คนชอบเที่ยว” ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอพร้อมคำบรรยายว่า “ร้านกาแฟสุดชิวที่ม่อนแจ่ม Jungle de Cafe” ซึ่งเป็นร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมลำห้วยในพื้นที่ของสถานที่ท่องเที่ยวเชิงผจญภัยของเอกชน หมู่ที่ 2 ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับความเหมาะสม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการรุกล้ำและทำลายธรรมชาติหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบ
ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งว่าเมื่อวันที่ 4 ม.ค.61 สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) โดยอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ร่วมกับ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่, สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่) กรมป่าไม้, และอำเภอแม่ริม ได้ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่บริเวณที่ตั้งร้านกาแฟดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ดำเนินกิจการซิปไลน์ ชื่อ โป่งแยงจังเกิ้ลโคสเตอร์แอนด์ซิปไลน์ (ชื่อเดิม ม่อนแจ่มซิปไลน์)
เบื้องต้นพบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย แต่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ริม ซึ่งพื้นที่ที่ดำเนินกิจการซิปไลน์ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม.12(ห้วยทราย) ได้ดำเนินคดีไปแล้ว และในส่วนที่มีการดำเนินการใหม่ ก่อสร้างเพิ่มเติมเป็นร้านกาแฟ ชื่อ Jungle De Cafe นั้น
ทางสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่, สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่) กรมป่าไม้, และอำเภอแม่ริม รับไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
วันนี้(8 ม.ค.61) นายสายพิน เปียสวน ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่) เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวในวันพรุ่งนี้(9 ม.ค.61) เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งป่าไม้,ที่ดิน,สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ และฝ่ายปกครอง จะร่วมกันเข้าดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ตั้งของร้านกาแฟดังกล่าวอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ที่ดินเข้าทำการรังวัดตรวจสอบว่า ในส่วนของร้านกาแฟมีการก่อสร้างและตั้งอยู่ในพื้นที่นอกเหนือจากพื้นที่ที่ทางผู้ประกอบการมีเอกสารสิทธิ์และกำลังดำเนินการขอออกโฉนดหรือไม่ ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำใดๆ ผิดกฎหมายจะดำเนินการตามกฎหมายทันที
สำหรับที่ตั้งของโป่งแยงจังเกิ้ลโคสเตอร์แอนด์ซิปไลน์นั้น รายงานข่าวแจ้งว่ามีพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 11 ไร่ เดิมเป็นที่ดินที่มีใบ สค.ของชาวบ้านในพื้นที่ ต่อมามีการขอออกเป็น นส.3 จากนั้นทางผู้ประกอบการได้มีการซื้อที่ดินดังกล่าวจากชาวบ้าน โดยที่มีนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่รายหนึ่งเป็นผู้ช่วยรวบรวมที่ดินให้ผู้ประกอบการรายนี้เปิดกิจการ ซึ่งปัจจุบันทางผู้ประกอบการได้ดำเนินการขอออกโฉนดให้ที่ดินแปลงนี้แล้ว อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวเกี่ยวข้อง
ส่วนที่ตั้งของร้านกาแฟ “Jungle De Cafe” ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากพบว่ามีสิ่งก่อสร้าง ทั้งที่นั่ง,สะพาน และอาคาร ที่ดูเหมือนจะเป็นการรุกล้ำลำห้วยที่ไหลลงมาตามภูเขานั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของพื้นที่ทางฝั่งซ้ายของลำห้วยอยู่ในพื้นที่ของผู้ประกอบการตามเอกสารสิทธิ์การใช้ประโยชน์ที่ดินที่ผู้ประกอบการเคยนำมาแสดงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามในส่วนของสะพานที่สร้างข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งของลำห้วยและสิ่งปลูกสร้าง แม้มีการอ้างว่ามีเอกสารสิทธิ์การใช้ประโยชน์ที่ดินเช่นกัน แต่ยังไม่สามารถนำมาแสดงได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เตรียมจะเข้าตรวจสอบว่ามีการรุกล้ำเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่
สำนักข่าววิหคนิวส์