ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #จ่อให้พรบ.คุมโรค ! แววเลิกพรก.ฉุกเฉิน

#จ่อให้พรบ.คุมโรค ! แววเลิกพรก.ฉุกเฉิน

22 December 2020
578   0

   เมื่อเวลา 08.20 น. วันที่ 22 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แก้ไขร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ที่จะมีการพิจารณาในวันนี้ ว่า พ.ร.บ.ควบคุมโรคเป็นการแก้ไขเพื่อให้เกิดการคล่องตัวมากขึ้น เนื่องจากหลายเสียงระบุว่าบ้านเมืองเราเป็นประชาธิปไตยทำไมจึงต้องมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังนั้น จึงจะดำเนินการแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.ควบคุมโรค เพื่อเพิ่มอำนาจให้กับคณะกรรมการควบคุมโรคให้สามารถออกมาตรการต่างๆ ได้ แต่ไม่มีผลกระทบในเรื่องของการปฏิบัติ ซึ่งหลังปีใหม่หากสถานการณ์นิ่ง เราก็อาจจะไม่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่จะมาเพิ่มอำนาจใน พ.ร.บ.ควบคุมโรคแทน ซึ่งวิธีปฏิบัติใน พ.ร.บ.นั้นคงไม่ต้องคุยในรายละเอียดมากนัก เพราะนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ดูทั้งหมดแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์จนถึงวันนี้ ครม.ต้องมีมาตรการพิเศษใดเป็นมติเพื่อรับมือกับสถานการณ์วิกฤตหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เรายังมีศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) อยู่ จึงยังไม่จำเป็นจะต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลง

เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีขอเวลาพิจารณา 7 วันเรื่องการล็อกดาวน์ปีใหม่ แต่หลังจากที่พบผู้ติดเชื้อซึ่งเป็นพ่อค้าแม่ค้ารถพุ่มพวงจะต้องพิจารณาเร็วขึ้นกว่า 7 วันหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้เรามีการประเมินอยู่แล้ว และในเวลานี้ได้มีการตรวจเชื้อแบบเคสบายดิ้ง โดยเข้าไปพื้นที่เสี่ยงเพื่อให้คนเหล่านั้นได้เข้ามารับการตรวจให้มากที่สุด ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในกลุ่มก้อนเดียวกันอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนการที่รถขายของพุ่มพวงนั้นตระเวนไปในหลายพื้นที่นั้นจะมีการเพิ่มมาตรการใดหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ได้มีการคัดกรองอยู่ ส่วนกรณีที่ขณะนี้มีข่าวว่าคนที่ไม่ได้อยู่ภายในจังหวัดสมุทรสาครได้มาขอตรวจเชื้อโควิด-19 แล้วโรงพยาบาลไม่ตรวจให้ หรือบางกรณีต้องเสียค่าใช้จ่ายเองนั้น เป็นข่าวไม่จริง ตอนนี้คนที่เดินทางผ่านจังหวัดสมุทรสาคร หรืออยู่ในจังหวัดที่มีการพบผู้ติดเชื้อ หรือมีอาการเข้าข่ายที่จะเป็นโควิด-19 ก็สามารถเข้ารับการตรวจได้ทันที เพราะตนได้สั่งการให้โรงพยาบาลและสถานพยาบาลต่างๆ ทำการตรวจให้ตามสิทธิ ส่วนเรื่องเงินค่าตรวจนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขจะนำไปเบิกจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เอง ขอย้ำว่ากลุ่มเสี่ยงสามารถไปตรวจได้ทันที จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิดกัน

“สมมุติว่าเดินไปแล้วมีอาการไข้ เจ็บคอ แล้วบอกแพทย์ว่าไปหัวหินมา ผ่านสมุทรสาครแวะทานข้าว เมื่อบอกอย่างนี้ก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงด้วยอยู่แล้ว แล้วทางแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัย แต่ถ้าเป็นคนปกติจะต้องมีการสัมภาษณ์กันก่อนที่จะตรวจ โดยการใช้วิธีสวอปจมูก หากเข้าข่าย ทางกระทรวงสาธารณสุขก็จะดูแลให้ในเรื่องของการตรวจเชื้อ” นายอนุทินกล่าว