20 ก.พ. 66 – นายชนินทร์ รุ่งแสง กรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) และผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาการลงพื้นที่พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับประชาชน พบปัญหาหลายด้านที่ต้องได้รับการแก้ไข ส่วนใหญ่พูดไปในทิศทางเดียวกันว่าเศรษฐกิจและสังคมคือเรื่องเร่งด่วนที่สุด
โดยเฉพาะเศรษฐกิจในชุมชนร้านค้าต่างๆ เช่น ร้านอาหารตามสั่ง ข้าวราดแกง ร้านขายของชำ ร้านกาแฟขนมปังปิ้ง ร้านโรตี เป็นต้น แม้พวกเขาได้พยายามหาช่องทางการขายรูปแบบใหม่ผ่านแอพพลิเคชั่นและออนไลน์ เพื่อเพิ่มรายได้นอกจากมีหน้าร้านแล้วก็ตาม
แต่ร้านค้าชุมนชนขนาดเล็กยังเผชิญกับอุปสรรคทั้งด้านค่าGPไรเดอร์ การเรียกเก็บภาษี และตู้กดสินค้าจากกลุ่มทุนที่ตั้งตามชุมชน ซึ่งพรรคปชป.เล็งเห็นถึงเรื่องนี้จึงคิดชุดนโยบายช่วยมดตัวเล็กให้กลายเป็นกองทัพมดที่เข้มแข็งสามารถต่อสู้กับธุรกิจกลุ่มทุนใหญ่ได้
“ก่อนหน้านี้พรรคปชป.ได้เปิดตัวนโยบายธนาคารชุมชน ชุมชนละ 2 ล้านบาทไปแล้ว ซึ่งเป็นไปตามแนวทางสร้างเงิน สร้างรายได้ สร้างโอกาส วันนี้จะได้นำเสนอนโยบายใหม่เพิ่มเติม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการ ทั้งในชุมชนและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSME)
ด้วยการลดค่าไรเดอร์ลง ให้เหลือไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ของราคาสินค้า จากเดิมอยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์ และยังจะลดหย่อนภาษีให้แก่ร้านค้าออนไลน์อีกด้วย เพราะจากการลงพื้นที่ของผู้สมัครพรรคปชป.ได้เห็นสภาพความเป็นจริงของประชาชน ค้าขายพอมีรายได้จุนเจือครอบครัว
แต่เมื่อโดนเรียกเก็บภาษีอีก รายได้ก็ไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนในบ้าน ซึ่งบางรายมีผู้ป่วยติดเตียงด้วย เราหวังว่าชุดนโยบายนี้จะตอบโจทย์และทำให้ประชาชนมีความสุขมากขึ้น” นายชนินทร์ กล่าว
นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีอีกปัญหาหนึ่งที่น่ากังวลใจ คือการขายกัญชาอย่างเสรี เพียงแค่เด็กและเยาวชนกำเงินไปซื้อ ก็สามารถนำมาเสพได้เลย ซึ่งพรรคปชป. ยืนยันสนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อรักษาทางการแพทย์เท่านั้น แต่ไม่เห็นด้วยกับกัญชาเสรีเพื่อนันทนาการที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน
และเราจะปิดสวิตช์เรื่องนี้ ด้วยการเร่งรัดกฎหมายในการควบคุมดูแลให้การซื้อขายกัญชาต้องทำตามคำสั่งแพทย์ หรือมีการควบคุมเข้มงวดที่สุด เพื่อเป็นการปกป้องลูกหลานและทำให้ผู้ปกครองจำนวนมากคลายความกังวลลง