ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ การเมือง การปกครอง ได้โพสข้อความระบุว่า ชัยชนะอยู่ที่สติปัญญา
สถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น หนักขึ้น เพราะความใจร้อน เดินการเมืองเท่าตามองเห็น สลายการชุมนุม จับกุมแกนนำ เอาม๊อบชนม๊อบ แล้วคิดว่าจะจบ
ระยะเวลาที่ยาวนาน 3 เดือน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 ที่ผ่านมาจนถึงเดือนตุลาคม ด้วยการจับปล่อย สาวผู้บงการ หน้าไพ่ได้เปิดจนครบ ตาม “ยุทธการไตรรงค์”ทำให้ประชาชนได้เห็นเชิงประจักษ์แล้วว่า ใครคือแกนนำ ใครคือผู้บงการ มีพรรคการเมืองและนักการเมืองคนใดบ้างที่เกี่ยวข้อง ทั้งนอกและในประเทศ
แม้มีการกราบพระบาท ก็ยังไม่จบ ดั่งที่หลายคนเกิดความเข้าใจผิด เมื่อประชาชนได้เห็นเชิงประจักษ์ ได้เห็นเจตนาชัดเจนแล้วทั้งเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประชาธิปไตย ทั้งที่ประเทศไทยปกครองในระบอบ “ราชาธิปไตย” ตลอด 88 ปี มิใช่ ระบอบประชาธิปไตย ทั้งยังเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเข้าข่ายก่อการกบฎในราชอาณาจักร
การประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉินนั้น ได้ดำเนินตามพื้นฐานของพรก.ฉุกเฉิน เพื่อมิให้เสียเลือดเสียเนื้อของคนไทย ดั่งในอดีต
เฟสแรกในวันที่ 16 ตุลาคม 2563 เวลา 09.09 น. เพชรฆาตฤกษ์ จึงควรเรียกบุคคลเข้ารายงานตัว ทั้งพรรคการเมือง นักการเมืองแกนนำ ผู้สนับสนุน ท่อน้ำเลี้ยง สื่อ ผู้ยุยงปลุกปั่น ที่อยู่ทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลัง เข้ารายงานตัว ต่อ ศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉินและสถานการณ์โควิด-19 (ศอฉค.)ทั้งในพระนครและต่างจังหวัด
แล้วจึงอบรมทำความเข้าใจ ดั่งเช่นปกติ ให้กับ แกนนำพรรคการเมือง นักการเมือง ผู้สนับสนุน อย่างเป็นแบบแผนดั่งการฝึกทหารใหม่ ในระยะ 7 วันในการควบคุมตัว โดยให้สื่อมวลชนมาติดตามทำข่าว บุคคลที่หลบหนีก็จะเข้ารายงานตัวเพิ่มเติม
เมื่อมีการพูดคุยกัน ทำความเข้าใจอย่างสันติ สถานการณ์ย่อมดีขึ้น ส่วนผู้ที่หลบหนี หรือยังต่อต้าน ความชอบธรรมจะสามารถใช้อำนาจควบคุมตัวได้ตามกฎหมาย จากนั้นค่อยดำเนินการต่อไป ในเฟสที่สอง(อยู่ที่ พลเอกกิตติ)
เมื่อเฟสแรกได้ดำเนินการเรียบร้อย แค่นี้ม๊อบก็จะค่อยๆสลายไปด้วยตัวของมันเอง ไม่จำเป็นต้องเอาม๊อบมาชนม๊อบ หรือสลายการชุมนุม เหมือนอดีตอีกต่อไป
ตรงข้ามกันหากปล่อยสถานการณ์ล่วงเลยยาวนาน ความชอบธรรมจะเปลี่ยน ความรุนแรงทั้งการก่อการร้าย การก่อวินาศกรรม ทั้งในพระนคร และภาคใต้ จะเกิดขึ้นพร้อมๆกันความร้าวลึกระหว่างคนต่างรุ่นก็จะเกิดขึ้น เหมือนในอดีตที่ผ่านมา อันจะกระทบต่อเศรษฐกิจ เสี่ยงการติดโควิด-19 ในกลุ่มใหญ่เหมือนม๊อบในหลายประเทศกำลังเผชิญ ทั้ง สหรัฐ เยอรมันรัสเซีย อินเดีย และเกาหลีใต้ ที่ติดจากผู้ชุมนุม
กระดาษเพียงใบเดียว อำนาจคนๆเดียว ไม่ต้องใช้ตร.-ทหาร นับพันคนให้เสียเวลา เสียกำลัง เสียงบประมาณ ผู้เกี่ยวข้องก็จำยอมต้องมารายงานตัว เพราะเป็นบทบัญญัติอำนาจตามกฎหมาย ใน พรก.ฉุกเฉิน ด้วยความปราถนาดี
“ ทุกศึกทุกสงครามมิได้เอาชนะด้วยสรรพกำลัง ล้วนแล้วแต่เอาชนะด้วยสติปัญญาทั้งสิ้น “
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
15 ตุลาคม 2563