พรรคชาติไทยพัฒนา ยกทีม พบ “บิ๊กตู่” /”ประภัตร”แบะท่า ยังไม่ต้องรีบเลือกตั้ง ชี้เลือกเร็วก็ไม่ได้ประโยชน์ หนุนบิ๊กตู่อยู่ต่อ/บิ๊กตู่ เรียกชื่อ”ท็อป” ลั่นพร้อมเล่นตามกติกา/นายกฯยันไม่เคยมองนักการเมืองเป็นศัตรู ยินดีพบพูดคุย แต่ต้องไม่ใช่บนความขัดแย้ง ยันตนเองเป็นกรรมการ ไม่ใช่ผู้เล่น
ความเคลื่อนไหวสำคัญทางการเมืองในการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอนเดินทาง มายังโรงเรียนเกษตรกรชาวนา สถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติ ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง สุพรรณบุรี
มีแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เข่น นายวราวุธ ศิลปอาชา นายประภัตร โพธสุธน นายกรวีร์ และ นายภราดร ปริศนานันทกุล อดีตส.ส.อ่างทอง นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ นายสรชัด สุจิตต์ อดีต ส.ส. สุพรรณบุรี นายเสมอกัน เที่ยงธรรม อดีต ส.ส. สุพรรณบุรี ให้การต้อนรับ
ซึ่งถือเป็นบิ๊กกลุ่มการเมืองกลุ่มแรกที่มาให้การต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์ ระหว่างลงพื้นที่ประชุมครม.สัญจร แตกต่างจากการประชุมครม.สัญจรที่จังหวัดนครราชสีมาที่ไม่มีนักการเมืองมาปรากฎตัว
พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินเข้าไปทักทายนายวราวุธ พร้อมยิ้มอย่างเป็นกันเองก่อนถามว่า “สบายดีนะ” โดยนายวารุธ พยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณครับท่าน”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ไม่กินข้าวก็ได้เพราะดีใจที่ได้พบกับประชาชน ได้พบนายประภัตรและนายวราวุธ
“ปลื้มใจที่จะได้เห็นประเทศเปลี่ยนแปลง รัฐบาลยืนยันว่าไม่ได้เลือกข้าง โดยทุกคนต้องมาช่วยกันทำให้ประเทศเข้มแข็งและยั่งยืน
ดีใจที่พบนักการเมืองด้วย เพราะท่านทำมาเยอะ นักการเมืองก็ต้องสัญญาว่าจะทำให้ประเทศดีขึ้น และนักการเมืองต้องไม่ผิดสัญญา”
“ผมฝากกับพี่ประภัตร ฝากกับท็อป ฝากกับปริศนานนันทกุล ผมขอฝากความหวังไว้กับทุก เราจะต้องไม่ขัดแย้งกันอีก เราต้องเดินหน้าให้ได้
ส่วนคดีใครถูกผิด ถูกตัดสิน ก็ว่ากันไปตามกระบวนการ และผมไม่ใช้มาตรา 44 ไปตัดสินใคร อยากให้พี่ประภัตรนึกถึงคนจังหวัดอื่นด้วย เป็นรัฐบาลคราวหน้าก็นึกถึงคนจังหวัดอื่นด้วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูป โดยเอาปัญหาต่างๆมาร้อยเรียง แล้วใช้เวลาแก้ไขปัญหา ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เขียนไว้กว้างๆ ไม่ได้บีบรัด ยอมรับว่าวันนี้เศรษฐกิจไม่ดีนัก แต่บ้านเมืองก็จะมีปัญหาอีกไม่ได้ จึงอย่าเอาเศรษฐกิจมาปนกับเรื่องการเมือง และโครงการของรัฐบาลก่อนหากทำไว้ดีตนก็ไม่ได้ล้มซะทั้งหมด
ในระหว่างที่พล.อ.ประยุทธ์พูดถึงการเลือกตั้ง นายประภัตร ได้แสดงความเห็นว่าถ้าประเทศยังไม่ปรองดอง ก็ไม่ต้องเลือกตั้ง
แต่มีข้อแม้ว่านายกฯต้องลงพื้นที่บ่อยๆ ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ชักชวนให้นายประภัตรไปด้วยกัน
จากนั้นนายกฯจะชวนให้นายประภัตรอภิปราย
โดยนายประภัตร กล่าวว่า “ขอบคุณที่นายกฯเปิดใจรับการเมือง เพราะนักการเมืองไม่ได้เลวทุกคน นักการเมืองดีก็มี การเลือกตั้งเร็วไม่ได้ประโยชน์ เพราะวันนี้ทะเลาะกัน ถ้าเลือกตั้งก็ต้องด่ากัน วันนี้ขอเพียงรัฐบาลแบ่งงบประมาณจากการโครงการรถไฟความเร็วสูงมาช่วยชาวนา เพราะเมื่อปากท้องของประชาชนอยู่ได้ นายกฯจะอยู่อีก 8 ปี 10 ปี ผมก็ไม่ว่า เพราะเวลานี้มีคนอยู่ได้ 2 ประเภทคือข้าราชการที่กินเงินเดือน และพระสงฆ์”
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “นี่แหละบรรยากาศเลือกตั้งมาแล้ว แต่การเลือกตั้งครั้งหน้าจะต้องได้คนดี”
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ได้ขอความคิดเห็นจากนายวราวุธ ในฐานะคนรุ่นใหม่
โดยนายวราวุธ กล่าวว่า “เรายินดีที่คณะนายกฯให้เกียรติมาเยี่ยมจังหวัดสุพรรณบุรี คนสุพรรณบุรีอยู่กันเหมือนพี่น้องครอบครัวเดียวกัน และเราทำงานการเมืองโดยคิดถึงความอยู่ดีมีสุขของประชาชนชาวสุพรรณ โดยเฉพาะชาวนา หากรัฐบาลมีนโยบายอย่างไร พวกเราพร้อมสนองนโยบาย และการเลือกตั้งก็ให้นายกฯเป็นคนตัดสิน โดยพวกเราจะรอเล่นอย่างเดียว ปีนี้ผมเป็นประธานสโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี จึงต้องรอเล่นตามกติกาอย่างเดียว”
ต่อมาพล.อ.ประยุทธ์ พูดติดตลกว่า “วันนี้เราใช้กติกาที่รัดกุม แต่ขอให้เล่นตามกติกา และขออย่าเอาผมไปเป็นผู้เล่นด้วยก็แล้วกัน วันนี้ผมทำหน้าที่เป็นกรรมการให้ทุกอย่างสงบเรียบร้อย ผมเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้จะกลายเป็นประเด็นพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์พรุ่งนี้ โดยจะพาดหัวว่ารัฐบาลจะต่อท่ออำนาจ
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ได้สอบถามชื่อจริงของนักการเมืองที่มาร่วมงาน โดยไปสะดุดที่ชื่อนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ลูกชายของนายสมศักดิ์ ปริศนานนันทกุล แกนนำชทพ. พร้อมกล่าวแซวว่า “บอกคุณพ่อด้วยนะว่าบางทีคุณพ่อก็นะ”
ทำให้บรรดาแกนนำชทพ.และประชาชนส่งเสียงหัวเราะ
ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า “ส่วนตัวแล้วรักกัน รู้จักกันตั้งนานแล้ว เมื่อก่อนตอนเป็นทหารทุกคนเมตตาผมหมด ไม่มีใครเป็นศัตรูผมเลย แต่เมื่อมาเป็นนายกฯทำไมศัตรูเยอะก็ไม่รู้”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.สุพรรณบุรี ว่า อนาคตของประเทศจะเปลี่ยนแปลงด้วยประชาชนทุกคน ไม่ได้เป็นเพราะตน หรือคนใดคนหนึ่ง ต้องเปลี่ยนด้วยมือคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งหนึ่งคะแนนเสียงมีความสำคัญในการเลือกตั้ง แต่เมื่อได้คะแนนเสียงมาแล้ว ทุกคนคือการรวมพลังของคนที่ได้รับเลือกเข้ามาไปสู่การขับเคลื่อนประเทศ วันนี้เราต้องช่วยกัน ลดปัญหาลงให้ได้ด้วยการทำงานร่วมกัน ถ้าไม่ขัดแย้งจะลดได้เยอะ ที่ทำไม่ได้เพราะยังขัดแย้ง ติดอยู่กับสิ่งเดิมๆ
“วันนี้มีโอกาสได้พบนักการเมืองที่ดีๆ ที่มีความเห็นสอดคล้องกัน ผมยินดีต้อนรับทุกท่าน ผมไม่เคยว่านักการเมืองหรือพรรคการเมืองไม่ดี ผมพูดถึงว่าอะไรดี อะไรไม่ดี อะไม่ดีกระบวนการยุติธรรมไปว่ากันมา ใครที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวที่ผมจะต้องมาเป็นศัตรูกับใคร และถ้าทุกคนเห็นด้วยนี่แหละคือประชารัฐอย่างแท้จริง รวมถึงนักการเมืองที่ดีทุกพรรค ผมยินดีจะพูดคุยพบปะ
แต่ขอให้พูดคุยในเรื่องที่เป็นประโยชน์ พูดคุยว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ไม่ใช่พูดแล้วขัดแย้ง จากนั้นก็ไป อย่างนี้ทำไม่ได้ เปิดการประชุมปรองดองหลายครั้งแล้ว เรียกมาก็พูดแต่ปัญหาแล้วก็ไป แล้วไม่ฟังที่รัฐบาลชี้แจง อย่างนี้ไม่จริงใจ ก็ไปคัดแยกให้ดีแล้วกันนะ” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า เมื่อมาเจอนักการเมืองแบบนี้ คิดว่าสิ่งที่ทำมาจะไม่เสียของใช่หรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ประชาชนเป็นคนตอบว่าเสียของหรือไม่เสียของ ไปถามประชาชนโน่น นักการเมืองคือผู้ที่มาบริหารราชการแผ่นดิน หลายอย่างท่านก็ทำดีไว้แล้ว ตนก็มาทำต่อให้ดีขึ้น หลายอย่างที่มีปัญหาตนก็มาแก้ไขให้ วันหน้าทุกคนก็ต้องทำแบบเดิม ไม่ใช่ว่าเสียของหรือไม่เสียของ แต่อยู่ที่พวกเรา ต่อให้ตนทำดีแทบตาย ต่อให้คิดมากมหาศาลเท่าไหร่ แต่ทำไม่ได้นั้นแหละคือเสียของเพราะติดความขัดแย้งไง
จากนั้นนายกฯได้หันมาถามผู้สื่อข่าวซึ่งนั่งยื่นเทปอัด ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวว่า “เหนื่อยไหม เห็นไหมว่าฉันยังเหนื่อยเลย ไม่ได้ขี่รถไถอย่างนี้มานานแล้ว รถแทรคเตอร์ขับเป็นหมด” รมว.มหาดไทยอยู่กับชาวนามากี่ปี เคยอยู่ที่นี้มาแล้ว รมว.มหาดไทยรู้ ดังนั้นจะกินข้าวให้นึกถึงคนปลูกว่าเขาเหนื่อย
และบางคนก็ใช้ควายทำนา ซึ่งอาจจะน้อยลง ถ้าเรายังทำให้ลดต้นทุนการผลิตไม่ได้ขายข้าวก็มีปัญหาหมด กลไกตลาดแทรกแซงไม่ได้ มีแต่ว่าต้องสร้างความแตกต่างให้ได้ เมื่อเช้าบอกให้ขึ้นค่าแรงงาน แต่วันนี้ต้องดูรอบบ้านเราด้วยว่าเท่าไหร่ แล้วจะเร่งให้รีบขึ้นค่าแรงทุกอย่างมันก็จบ ต้องช่วยตนแบบนี้สร้างความเข้าใจ
เมื่อถามว่า เห็นนายกฯพูดถึงกบเลือกนาย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนพูดว่าก็เหมือนทุกคนนั้นแหละจะเลือกใครมาก็ตามจากการเลือกตั้งท้องถิ่น การเลือกตั้งข้างบน ตนก็เป็นกบนะ คนทั้งประเทศนั้นคือกบ
เมื่อถามย้ำว่า เคยเลือกนายผิด เลือกนกกระสามาหรือเปล่า นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าเขาเป็นนกกระสาหรือเป็นอะไรมาก่อน แต่เมื่อเขาเปลี่ยนพฤติกรรมมันก็เรื่องของเขา ตนถึงได้บอกว่าตนผิดด้วย ตนเลือกมาไง
เมื่อถามต่อว่า ต่อไปมั่นใจหรือไม่จะไม่เลือกผิดอีก นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่รู้ ไม่เกี่ยวกับตน เชื่อว่าตนไม่เลือกผิดอยู่แล้ว แล้วคุณเลือกผิดหรือเปล่า หรือคุณไม่เลือกใครเลย เลือกเอาความขัดแย้ง ให้คนเขามีหลักคิดว่าประเทศจะพัฒนาอย่างไร จะลดปัญหา ปรองดองกันอย่างไร การเมืองจะเดินหน้าอย่างไร นั้นคือส่ิงที่ตนต้องการ ที่พูดอยู่ทุกวัน
Cr: วาสนา นาน่วม
สำนักข่าววิหคนิวส์