ชิงอำนาจยังไม่ยอมแพ้
ส่อเค้าสู้ยาวตลอดคืน
ยังไม่ยอมแพ้ แม้’บิ๊กตู่’จะพยายามพลิกเกมให้เห็นว่า เป็นฝ่ายได้เปรียบ ถือไพ่ในมือเหนือกว่า ทั้งกับกลุ่มก่อหวอดในพปชร. และพรรคเล็ก ในฐานะผู้ร่วมก่อการ
แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมถอดใจเหมือนกัน เบี้ยบนกระดานจึงพลิกไปพลิกมา แม้ด้านหนึ่งเกรงจะถูกเขี่ยออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ไปอยู่ฝ่ายค้านอดอยากปากแห้ง
สมการที่ถดถอยเหลือเพียง พปชร.15 และพรรคเล็ก 4 รวมแค่ 19 เสียง หลังเจรจาล็อบบี้กันอย่างหนักทั้ง 2 ฝ่ายทั้งเมื่อวานและค่ำคืนที่ผ่านมา ห่างจากตัวเลขที่ต้องการ 30 เสียง มากถึง 11 เสียง เมื่อเกิดปรากฎการณ์สวิงกลับ
แต่ถึงช่วงบ่ายของวันนี้ มีคนวงในย้ำว่า คนแดนไกลต่อสายตรงถึงพรรคการเมืองใหญ่ในกลุ่มพรรคเล็ก เสนอทั้งโควต้ารัฐมนตรีว่าการ และกล้วยอีกหลายหวี กระทั่งทนกิเลสยั่วยวนใจไม่ไหว ตัวเลขสะสม เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 5 เสียง ทั้งยังจะดึงเพิ่มเติมอีก ชนิดเสียเท่าไหร่ไม่ว่า ขอให้ล้ม’บิ๊กตู่’ให้สำเร็จ
ขณะที่’หมวดธรรมมนัส’ก็ใช่ว่าจะตัวเปล่าเล่าเปลือย เขามีกลุ่มส.ส.ในสังกัดกลุ่มใหญ่ที่สุดในพปชร. โดยเฉพาะเมื่อรวมกับกลุ่มของวิรัช รัตนเศรษฐ์ ประธานวิปรัฐบาลและรองหัวหน้าพรรคพปชร. ทั้ง 2 คนยังเป็นมือไม้คนสนิทที่’บิ๊กป้อม’มักจะลือกใช้ในงานสำคัญๆ
ด้วยบุคคลิกใจถึงพึ่งได้ และเส้นทางที่ไม่ธรรมดา ทำให้ไม่มีใครปฏิเสธว่า ร.อ.ธรรมมนัส คือนักการเมืองที่พรรคการเมืองใหญ่ หรือคนที่หวัง’เติบใหญ่’ต้องการเรียกหา
หากไม่แน่จริง คงไม่เติบใหญ่บนเวทีการเมืองระดับชาติภายในเวลาอั้นสั้น ถึงขั้นข้ามชั้นเป็นเลขาธิการพรรคใหญ่อันดับหนึ่งในรัฐบาล เบียดเอานักการเมืองรุ่นเก๋าแบ๊คอัพดีอย่างอนุชา นาคาศัย ต้องกระเด็นหลุดจากเก้าอี้ใหญ่
แม้จะถูกมองว่า อาจจะเสียเปรียบเพราะคู่ต่อกรเป็นถึงผู้นำประเทศ แต่ต้องไม่ลืมว่า หาก’บิ๊กตู่’ยังหวังไปต่อ ก็ต้องอาศัยพรรคพปชร. ที่เขาเป็นเลขาอยู่ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่จะอาศัยเพียง’บิ๊กป้อม’คนเดียว เพราะนายกฯเป็นคนนอกพรรค
แน่นอนที่สุด การเจรจาต่อรองต้องเกิดขึ้น ไม่มีใครได้ฝ่ายเดียว และไม่มีใครเสียฝ่ายเดียว
เกมชิงอำนาจหนนี้ เชื่อว่าจะยื้อกันกระทั่งนาทีสุดท้าย ก่อนจะลงมติโหวตเสียง 4 กันยายน อย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะต้องไม่ลืมมองเกมนอกสภา ที่คนแดนไกลส่งสัญญาณให้มวลชนล้อมบ้านส.ส.เพื่อกดดันให้โหวตคว่ำรัฐบาลอีกทางหนึ่ง
ทั้ง 2 ฝ่าย หากไม่ถอย ต่างเดินหน้า หวังชนะอย่างเดียว มีแต่จะพังกับพังครับ
ประจักษ์ มะวงศ์สา